รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิป เออร์โดกัน กล่าวในวันนี้ (25 พ.ย.) ว่า ตุรกีไม่ต้องการทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีกหลังจากที่พวกเขายิงเครื่องบินขับไล่รัสเซียลำหนึ่งตก พร้อมระบุพวกเขากระทำไปเพียงเพื่อปกป้องความมั่นคงของตนและ “สิทธิของพี่น้องเรา” ในซีเรียเท่านั้น
ในการปราศรัยที่งานด้านธุรกิจงานหนึ่งในนครอิสตันบูล เออร์โดกันกล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวถูกยิงตกในขณะที่อยู่ในน่านฟ้าตุรกีแต่ตกภายในซีเรีย แม้ว่าชิ้นส่วนของเครื่องบินบางส่วนจะตกในตุรกีและทำให้พลเมืองตุรกีบาดเจ็บ 2 รายก็ตาม
“เราไม่ต้องการทำให้เหตุการณ์นี้ลุกลามบานปลาย เราเพียงกำลังปกป้องความมั่นคงของเราและสิทธิของพี่น้องเรา” เออร์โดกันกล่าว พร้อมเสริมว่านโยบายของตุรกีในซีเรียจะไม่เปลี่ยนแปลง
“เราจะสานต่อความพยายามด้านมนุษยธรรมบริเวณชายแดนทั้งสองฝั่ง เราตัดสินใจที่จะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันคลื่นผู้อพยพระลอกใหม่”
การยิงเครื่องบินขับไล่รัสเซียตกใกล้พรมแดนซีเรียเมื่อวานนี้ (24) เป็นหนึ่งในการปะทะที่ตึงเครียดที่สุดระหว่างสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กับรัสเซียในรอบครึ่งศตวรรษ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวถูกโจมตีขณะที่มันอยู่ในน่านฟ้าซีเรียและห่างจากชายแดนตุรกี 1 กิโลเมตร พร้อมเตือนเกี่ยวกับ “ผลลัพธ์ร้ายแรงที่จะตามมา” จากสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นการแทงข้างหลังโดยผู้ที่สบคบคิดกับผู้ก่อการร้าย
เมื่อวานนี้ (24) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ว่า วอชิงตันเชื่อว่าเครื่องบินลำดังกล่าวถูกยิงในน่านฟ้าซีเรียหลังจากล่วงล้ำเข้าสู่ตุรกีชั่วระยะหนึ่ง การประเมินดังกล่าวมาจากการตรวจหาสัญญานความร้อนของอากาศยานลำดังกล่าว
แต่ตุรกีระบุในจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า พวกเขายิงเครื่องบินลำนี้ตกในน่านฟ้าของตน เครื่องบินลำนี้บินเข้าสู่ตุรกีเป็นระยะทางกว่า 1 ไมล์ นาน 17 วินาที ทั้งๆ ที่ได้รับคำเตือนถึง 10 ครั้งในขณะที่ใกล้จะเปลี่ยนทิศทาง จดหมายฉบับนี้ ระบุ