xs
xsm
sm
md
lg

4 มือระเบิดฆ่าตัวตายหญิงก่อเหตุโจมตีในแคเมอรูนดับอย่างน้อย 5 ศพ คาดฝีมือกลุ่ม “โบโก ฮารัม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเอฟพี / เอเจนซีส์ / MGR online - เกิดเหตุโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิงรวม 4 ราย คาดว่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธสุดโต่ง “โบโกฮารัม” ในพื้นที่ภาคเหนือของแคเมอรูนในวันเสาร์ (21 พ.ย.) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนจำนวน 5 ราย รวมถึงผู้นำหมู่บ้านรายหนึ่ง แต่ไม่นับรวมเหล่ามือระเบิดที่ก่อเหตุ ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการแคเมอรูนในพื้นที่

รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า หนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิง ได้จุดระเบิดบริเวณด้านนอกของบ้านผู้นำหมู่บ้านรายหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโฟโตโกล พื้นที่ที่ตกเป็นเป้าการโจมตีจากกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ “โบโกฮารัม” ที่มีฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไนจีเรียอยู่บ่อยครั้ง

ด้านมิฌิยาวา บาการี ซึ่งถูกระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับ “ผู้ว่าราชการ” ในพื้นที่ ออกมาเปิดเผยว่า ผลจากการโจมตีของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิงรายดังกล่าวนี้ส่งผลทำให้ตัวผู้นำหมู่บ้านซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อ พร้อมด้วยสมาชิกอีก 4 รายในครอบครัวของเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ด้านแหล่งข่าวภายในหน่วยงานด้านความมั่นคงของแคเมอรูนออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้เกิดการโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิงอีก 3 ราย แต่การโจมตีของมือระเบิดหญิงทั้งสามรายหลังนี้เกิดพลาดเป้า ทำให้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตเพิ่มเติม ยกเว้นตัวของมือระเบิดฆ่าตัวตายเอง

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาประธานาธิบดีปอล บิยา แห่งแคเมอรูน ประกาศกร้าว จะส่งกำลังทหารจากดินแดนหมอผีจำนวน 2,450 นาย เข้าร่วมกับกองกำลังผสมของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เพื่อต่อสู้กวาดล้างกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์โบโกฮารัมซึ่งมีฐานอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรีย

ข่าวการส่งกำลังทหารจำนวน 2,450 นายจากแคเมอรูนเข้าร่วมกวาดล้างกลุ่มโบโกฮารัมในครั้งนี้ ได้รับการยืนยันจากคำแถลงที่ถูกเผยแพร่ออกมาโดยทางทำเนียบประธานาธิบดีของแคเมอรูน โดยที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทางการแคเมอรูนมีขึ้นภายหลังจากที่กลุ่มอิสลามิสต์โบโก ฮารัมจากไนจีเรีย ได้รุกล้ำข้ามเขตแดนเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงการโจมตีด้วยมือระเบิดฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งในพื้นที่ภาคเหนือของแคเมอรูนในช่วงตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์ชาวแคเมอรูนเป็นจำนวนมาก

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แคเมอรูนได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งประกอบไปด้วยไนจีเรีย ไนเจอร์ เบนิน และชาด ซึ่งต่างเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามของกลุ่มโบโก ฮารัมทั้งสิ้น

โดยที่ประชุมในครั้งนั้น มีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้ง “กองกำลังผสม” ที่มีกำลังพลจากกองทัพของแต่ละประเทศเข้าร่วมจำนวนกว่า 8,700 นาย สำหรับกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งกลุ่มดังกล่าว ที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) แห่งซีเรียและอิรักไปแล้วก่อนหน้านี้

รายงานข่าวระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลแคเมอรูนภายใต้การนำของประธานาธิบดีปอล บิยา มีแผนส่งกำลังทหารจากประเทศของตนไปเข้าร่วมภารกิจกวาดล้างกลุ่มโบโกฮารัมเพียง 750 นายเท่านั้นในตอนแรก

แต่การตัดสินใจล่าสุดของผู้นำแคเมอรูนที่มีการสั่งเพิ่มกำลังทหารจากดินแดนหมอผีเป็น 2,450 นาย สำหรับเข้าร่วมกองกำลังผสมส่วนภูมิภาค ถูกระบุว่าเป็นผลมาจากการหารือร่วมกันกับบรรดาผู้นำชาติในแอฟริกาอื่นๆ เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม มีการยืนยันว่า ประธานาธิบดีโธมัส โบนี ยายีแห่งเบนิน ประกาศเตรียมส่งกำลังทหารของตนมากกว่า 800 นาย เข้าร่วมกับกองกำลังผสมของประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก เพื่อเข้าร่วมภารกิจในการกวาดล้างกลุ่มนักรบโบโกฮารัม

โดยประธานาธิบดียายีแห่งเบนินประกาศการตัดสินใจดังกล่าว ระหว่างให้การต้อนรับประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ผู้นำไนจีเรีย ที่เดินทางเยือนเบนินเนื่องในโอกาสที่มีการเฉลิมฉลองวาระครบรอบวันแห่งการประกาศเอกราชของเบนิน ซึ่งตรงกับวันที่ 1 สิงหาคม ปี 1960

ผู้นำเบนินกล่าวว่า “นี่คือโอกาสอันดีสำหรับเบนินในการที่จะได้แสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากพวกอิสลามิสต์โบโกฮารัม และเราจะส่งกำลังทหารจากกองทัพเบนินจำนวน 800 นาย เข้าร่วมในการต่อสู้กับพวกสุดโต่งกลุ่มนี้”

ที่ผ่านมาการจัดตั้งกองกำลังผสมของชาติในแอฟริกาตะวันตกเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่มโบโกฮารัมนั้น มีอันต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ นั่นคือการขาดงบประมาณสนับสนุน และทำให้การเดินหน้าปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงนี้มีอันต้องถูกเลื่อนออกไป

ทั้งนี้ เหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มโบโกฮารัมซึ่งดำเนินมานานกว่า 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2009 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่น้อยกว่า 20,000 ราย ขณะที่ประชาชนอีกเกือบ 20 ล้านคนต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนของตัวเอง โดยในระยะหลังกลุ่มโบโกฮารัมซึ่งต้องการสถาปนา “รัฐอิสลามสุดโต่ง” ขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรีย ได้เริ่มข้ามเขตแดนไปก่อเหตุรุนแรงในประเทศไนเจอร์ แคเมอรูน และชาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรัก ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา



กำลังโหลดความคิดเห็น