เอพี / เอเจนซีส์ / MGR online - เกิดเหตุโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นเด็กผู้หญิง ซึ่งคาดว่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “โบโกฮารัม” ในค่ำของวันอาทิตย์ (22 พ.ย.) ที่ผ่านมา ในเมืองไมดูกูรี ของไนจีเรีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย ยังไม่รวมกับมือระเบิด
รายงานข่าวซึ่งอ้าง อะเดเรมี โอปาโดกุน เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของไนจีเรีย ยืนยันว่ามือระเบิดฆ่าตัวตายซึ่งยังเป็นเพียงเด็กผู้หญิงรายดังกล่าวได้จุดชนวนระเบิดที่ผูกติดไว้กับตัวเองเมื่อช่วงค่ำของวันอาทิตย์ (22) ที่ผ่านมา บริเวณจุดตรวจของทหารแห่งหนึ่งใกล้ทางเข้าเมืองไมดูกูรี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย โดยการจุดชนวนระเบิดเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่รถบัสโดยสารคันที่มือระเบิดที่เป็นเด็กหญิงรายนี้แฝงตัวเป็นหนึ่งในผู้โดยสารมา ถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจค้น
รายงานข่าวระบุว่า แรงระเบิดส่งผลให้เด็กหญิงที่เป็นมือระเบิดฆ่าตัวตายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และมีผู้โดยสารรายอื่นเสียชีวิตอีกอย่างน้อย 7 ราย ขณะที่จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกระบุว่า มีจำนวนนับสิบราย
การโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่คาดว่าจะเป็นสมาชิกกับกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งโบโกฮารัมล่าสุด ถือเป็นเหตุโจมตีครั้งแรกในรอบเกือบ 1 เดือนที่เกิดขึ้นในเมืองไมดูกูรี ซึ่งถือเป็น “ถิ่นกำเนิด” ของกลุ่มโบโกฮารัมนี้
ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (21 พ.ย.) เพิ่งเกิดเหตุโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิงรวม 4 ราย คาดว่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งโบโกฮารัมในพื้นที่ภาคเหนือของแคเมอรูน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนจำนวน 5 ราย รวมถึงผู้นำหมู่บ้านรายหนึ่ง แต่ไม่นับรวมเหล่ามือระเบิดที่ก่อเหตุ ทั้งนี้ เป็นการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการแคเมอรูนในพื้นที่
รายงานข่าวระบุว่า หนึ่งในมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิงได้จุดระเบิดบริเวณด้านนอกของบ้านผู้นำหมู่บ้านรายหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองโฟโตโกล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตกเป็นเป้าการโจมตีจากกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ดังกล่าวที่มีฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไนจีเรียอยู่บ่อยครั้ง
ด้านมิฌิยาวา บาการี ซึ่งถูกระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับ “ผู้ว่าราชการ” ในพื้นที่ออกมาเปิดเผยว่า ผลจากการโจมตีของมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิงรายดังกล่าวส่งผลทำให้ตัวผู้นำหมู่บ้านซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อพร้อมด้วยสมาชิกอีก 4 รายในครอบครัวของเขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
ขณะที่แหล่งข่าวภายในหน่วยงานด้านความมั่นคงของแคเมอรูนออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ได้เกิดการโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นผู้หญิงอีก 3 ราย แต่การโจมตีของมือระเบิดหญิงทั้งสามรายหลังนี้เกิดพลาดเป้าทำให้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตเพิ่มเติม ยกเว้นตัวของมือระเบิดฆ่าตัวตายเอง
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาประธานาธิบดีปอล บิยา แห่งแคเมอรูน ประกาศกร้าว จะส่งกำลังทหารจากดินแดนหมอผีจำนวน 2,450 นาย เข้าร่วมกับกองกำลังผสมของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เพื่อต่อสู้กวาดล้างกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์โบโกฮารัมซึ่งมีฐานอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรีย
ข่าวการส่งกำลังทหารจำนวน 2,450 นายจากแคเมอรูนเข้าร่วมกวาดล้างกลุ่มโบโกฮารัม ได้รับการยืนยันจากคำแถลงที่ถูกเผยแพร่ออกมาโดยทางทำเนียบประธานาธิบดีแคเมอรูน โดยที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทางการแคเมอรูนมีขึ้นภายหลังจากที่กลุ่มอิสลามิสต์โบโกฮารัมจากไนจีเรีย ได้รุกล้ำข้ามเขตแดนเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรวมถึงการโจมตีด้วยมือระเบิดฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งในพื้นที่ภาคเหนือของแคเมอรูนตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์ชาวแคเมอรูนเป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แคเมอรูนได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งประกอบไปด้วยไนจีเรีย ไนเจอร์ เบนิน และชาด ซึ่งต่างเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามของกลุ่มโบโกฮารัมทั้งสิ้น
โดยที่ประชุมในครั้งนั้น มีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้ง “กองกำลังผสม” ที่มีกำลังพลจากกองทัพของแต่ละประเทศเข้าร่วมจำนวนกว่า 8,700 นาย สำหรับกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธสุดโต่งกลุ่มดังกล่าวที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) แห่งซีเรียและอิรักไปแล้วก่อนหน้านี้
รายงานข่าวระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลแคเมอรูนภายใต้การนำของประธานาธิบดีปอล บิยา มีแผนส่งกำลังทหารจากประเทศของตนไปเข้าร่วมภารกิจกวาดล้างกลุ่มโบโกฮารัม เพียง 750 นายเท่านั้นในตอนแรก
แต่การตัดสินใจล่าสุดของผู้นำแคเมอรูนที่มีการสั่งเพิ่มกำลังทหารจากดินแดน หมอผีเป็น 2,450 นาย สำหรับเข้าร่วมกองกำลังผสมส่วนภูมิภาค ถูกระบุว่าเป็นผลมาจากการหารือร่วมกันกับบรรดาผู้นำชาติในแอฟริกาอื่นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม มีการยืนยันว่า ประธานาธิบดีโธมัส โบนี ยายีแห่งเบนิน ประกาศเตรียมส่งกำลังทหารของตนมากกว่า 800 นาย เข้าร่วมกับกองกำลังผสมของประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก เพื่อเข้าร่วมภารกิจในการกวาดล้างกลุ่มนักรบโบโกฮารัมเช่นเดียวกัน โดยผู้นำเบนินกล่าวว่า “นี่คือโอกาสอันดีสำหรับเบนินในการที่จะได้แสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียว กันกับประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเผชิญภัยคุกคามจากพวกอิสลามิสต์โบโกฮารัม และเราจะส่งกำลังทหารจากกองทัพเบนินจำนวน 800 นาย เข้าร่วมในการต่อสู้กับพวกสุดโต่งกลุ่มนี้”
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาการจัดตั้งกองกำลังผสมของชาติในแอฟริกาตะวันตกเพื่อรับมือกับภัยคุกคาม จากกลุ่มโบโกฮารัมนั้น มีอันต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ นั่นคือการขาดงบประมาณสนับสนุน และทำให้การเดินหน้าปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงนี้มีอันต้องถูกเลื่อนออกไป
ทั้งนี้ เหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มโบโกฮารัมซึ่งดำเนินมานานกว่า 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2009 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่น้อยกว่า 20,000 ราย ขณะที่ประชาชนอีกเกือบ 20 ล้านคนต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนของตัวเอง โดยในระยะหลังกลุ่มโบโกฮารัมซึ่งต้องการสถาปนา “รัฐอิสลามสุดโต่ง” ขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรีย ได้เริ่มข้ามเขตแดนไปก่อเหตุรุนแรงในประเทศไนเจอร์ แคเมอรูน และชาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียและอิรัก ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา