เอเอฟพี / เอพี / เอเจนซีส์ / MGR online – ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส มีกำหนดเตรียมพบกับนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งสหราชอาณาจักรที่กรุงปารีสในวันจันทร์ (23 พ.ย.) เพื่อหารือกัน เกี่ยวกับประเด็นการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย รวมถึง วิกฤตซีเรีย ทั้งนี้ เป็นการยืนยันจากทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอมในวันเสาร์ (21 พ.ย.)
ข่าวการเตรียมพบหารือกันระหว่างออลลองด์และคาเมรอน ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของช่วงสัปดาห์ ที่จะเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนทางการทูตกันอย่างเข้มข้นที่นอกจากประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะต้องพบหารือกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษแล้วออลลองด์ยังต้องมีกำหนดต้องพบหารือกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ , ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ตลอดจน นายกรัฐมนตรีหญิง อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ด้วยเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นภายหลังจากที่เกิดการก่อวินาศกรรมโดยผู้ก่อการร้าย ที่เป็นสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)อย่างน้อย 6 จุดกลางกรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศสเมื่อช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงก่อนเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 130 ราย และยังถือได้ว่าก่อให้เกิดการนองเลือดที่สุดใน ฝรั่งเศสนับตั้งแต่มหาสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา และเป็นเหตุก่อวินาศกรรมครั้งรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินยุโรป นับตั้งแต่เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริดของสเปน เมื่อปี 2004
โดยเหตุโจมตีที่เกิดขึ้นใจกลางกรุงปารีส รวมถึงที่ย่านชานเมืองอย่าง “แซงต์-เดอนีส์”ที่อยู่ทางตอนเหนือของเมืองหลวงแดนน้ำหอม ที่เกิดขึ้นในจังหวะเวลาใกล้เคียงกันถึง 6 จุด ถูกระบุว่า มีทั้งเหตุกราดยิง การโจมตีของมือระเบิดฆ่าตัวตายและการจับพลเรือนผู้บริสุทธิ์เป็นตัวประกัน ได้นำมาซึ่งความสูญเสียครั้งเลวร้ายอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
ขณะเดียวกันเหตุวินาศกรรมกรุงปารีสยังนำมาซึ่งการถูกตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการทำงาน ของบรรดาหน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงของทั้งของฝรั่งเศส และบรรดาชาติพันธมิตรในโลกตะวันตก ที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการป้องกันการ โจมตีที่เกิดขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มรัฐอิสลามได้ประกาศผ่านสื่อที่มีการเผยแพร่กันอย่างโจ่งแจ้งบนโลกออนไลน์ว่า จะก่อเหตุโจมตีฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ตลอดจน ชาติพันธมิตรตะวันตกอีกหลายชาติ ที่ร่วมผนึกกำลังกันเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอเอสในซีเรียก่อนหน้านี้
หลังเกิดเหตุไม่นาน ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสได้ออกมาประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยระบุ เหตุก่อวินาศกรรมที่เกิดขึ้นไม่แตกต่างจาก “การประกาศสงคราม” กับฝรั่งเศสโดยตรง พร้อมทั้งมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งกลายเป็นการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งแรกของฝรั่งเศส นับตั้งแต่เกิดเหตุจลาจลเมื่อปี 2005 เป็นต้นมา ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีการประกาศ “เคอร์ฟิว” ในกรุงปารีส ที่ได้ชื่อว่าเป็นมหานครแห่งแสงสี และเป็นเมืองหลวงที่ “มิเคยหลับ”
จนถึงขณะนี้ ข้อมูลจากการสืบสวนของทางการฝรั่งเศสสรุปได้ว่า เหตุก่อวินาศกรรม 6 จุดที่คร่าชีวิตผู้คนไป 130 ศพในกรุงปารีสทางกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสได้วางแผนโจมตีนี้ในประเทศซีเรีย จากนั้นจึงมีการตระเตรียมและจัดตั้งทีมก่อวินาศกรรมขึ้น ในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของฝรั่งเศสอย่างเบลเยียม ก่อนที่ทีมโจมตีของกลุ่มไอเอส จะลักลอบเดินทางเข้าสู่ฝรั่งเศส โดยที่มีพลเมืองฝรั่งเศสหลายรายสมรู้ร่วมคิดด้วย