สันติบาลสั่งคุมเข้มรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ และสถานทูตฝรั่งเศล รวมทั้งสถานที่สำคัญทุกจุด หวั่นผลกระทบกับประเทศไทย พร้อมประสานงานข่าวอย่างใกล้ชิด แต่เบื้องต้นยังไม่พบการเคลื่อนไหว หรือสิ่งบ่งชี้การก่อเหตุ
วันนี้ (14 พ.ย.) จากกรณีเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.)ได้สั่งการมีการประสานข้อมูลด้านการข่าวกับหน่วยข่าวอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการข่าว พร้อมทั้งสั่งการให้กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 - 4 เพิ่มความเข้มในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดให้กับสถานทูตต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานทูตฝรั่งเศส สถานกงสุล สถานที่สำคัญในภาพรวมทุกจุดที่เข้าข่ายว่าอาจจะเป็นจุดเสี่ยงสำหรับการก่อเหตุ รวมทั้งเพิ่มความเข้มในการอารักขาบุคคลสำคัญ หรือเจ้าหน้าที่การทูต ของแต่ละประเทศ พร้อมทั้งให้เพิ่มกำลังเจ้าที่ตำรวจสันติบาล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบทุกกองบัญชาการ ทั้งในส่วนรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ และสถานที่สำคัญทุกจุด ทั้งนี้ ในเบื้องต้นนั้นจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการข่าวกับหน่วยข่าวทุกหน่วย ยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่ส่อว่าจะมีการก่อเหตุในประเทศไทย แต่ตำรวจสันติบาล ก็ได้เพิ่มมาตรการเข้มป้องกันเหตุตามสถานการณ์
ขณะเดียวกัน ในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ทาง บช.ส. ได้รายงานเกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศส ต่อ การเตรียมการในส่วนของ บช.ส. ว่า บก.ส.1 ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเสี่ยงทั่วประเทศ, บก.ส.2 มีการประสานการข่าวและการปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่ของต่างประเทศ, บก.ส.3 เพิ่มความเข้มในการดูแลความปลอดภัยสถานทูตแล้ว โดยเฉพาะประเทศฝรั่งเศส และประเทศตะวันตก และ บก.ส.4 ทำหน้าที่วิเคราะห์ข่าวกรอง และให้เตรียมพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์
สตม.สั่งเพิ่มความเข้มคัดกรองคนเข้าประเทศ หลังเกิดเหตุโจมตีปารีส
ด้าน พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) มีคำสั่ง (ศปก.สตม.) ระบุว่า ตามที่ได้เกิดเหตุคนร้ายก่อความไม่สงบ ด้วยการโจมตีด้วยระเบิดและกราดยิงหลายจุดในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ย. 2558 (เวลาในประเทศไทย) เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รวมถึงได้มีการจับประชาชนเป็นตัวประกันกว่า 100 คน ขณะนี้สถานการณ์ยังพบว่ายังคงมีการก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง และต่อมาประเทศฝรั่งเศสได้ประกาศภาวะฉุกเฉินอันเนื่องมาจากเหตุกรณีดังกล่าว จึงกำชับให้ทุกหน่วยงานในสังกัด สตม. เพิ่มความเข้มในการตรวจคัดกรองบุคคลผู้เดินทางเข้า - ออก ราชอาณาจักรด้วยความละเอียดรอบคอบ ทั้งการตรวจสอบเอกสารเดินทางการบันทึกข้อมูล การเฝ้าสังเกตพฤติกรรม และสิ่งผิดปกติ เพื่อป้องกันบุคคลหรือกลุ่มบุคคลผู้ไม่หวังดีที่อาจก่อเหตุความไม่สงบ และให้แนะนำประชาชนที่จะเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสให้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าว
“ขณะเดียวกัน ให้เตรียมความพร้อมดำเนินการป้องกันและรักษาสถานที่ตามแผนควบคุมสถานการณ์ในสภาวะฉุกเฉินของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (มหาเมฆ 1/2557) ลงวันที่ 11 พ.ย. 2556 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่มีห้องกักในความรับผิดชอบ ให้ติดตามสถานการณ์เหตุการณ์ดังกล่าว และสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือมีข้อมูลข่าวสารที่สำคัญให้หัวหน้าหน่วยรายงาน ผบช.สตม. และ รอง ผบช.สตม. โดยเร็วต่อไป นอกจากนี้ ให้ข้าราชการในสังกัด สตม. ใช้วิจารณญาณและระมัดระวังในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อย” คำสั่งระบุ