เอเอฟพี - ส.ว.แรนด์ พอล หนึ่งในบรรดาผู้สมัครชิงตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016 ออกมาเรียกร้องวานนี้ (18 พ.ย.) ให้รัฐบาลวอชิงตันระงับนโยบาย “ฟรีวีซา” สำหรับพลเมืองหลายประเทศ รวมถึง “ชาวฝรั่งเศส” หลังเกิดเหตุโจมตีครั้งใหญ่ที่กรุงปารีสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้มาตรการที่ว่านี้จะยังไม่มีแนวโน้มถูกประกาศใช้ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะบั่นทอนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังกระทบความสัมพันธ์กับยุโรปในช่วงที่วอชิงตันประกาศกร้าวว่าจะผนึกกำลังชาติพันธมิตรเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย
“ผมเกรงว่าพลเมืองฝรั่งเศสบางคนที่ตั้งป้อมเป็นศัตรูกับอารยธรรม รัฐบาลของพวกเขาเอง และสันติภาพ ก็อาจจะมองเราเป็นศัตรูด้วย และอาจตัดสินใจขึ้นเครื่องบินมาที่นี่” พอล ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี
ผลการสอบสวนพบว่า เหตุวินาศกรรมหลายจุดในกรุงปารีสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 129 คน เกิดจากฝีมืออิสลามิสต์ “สัญชาติฝรั่งเศส” เสียส่วนใหญ่
ส.ว.จากรัฐเคนตักกีผู้นี้ได้เสนอเมื่อวันจันทร์ (16) ให้รัฐบาลกำหนดช่วงเวลา “รอ 30 วัน” สำหรับชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติเสียก่อน ส่วนพลเมือง 38 ชาติที่ได้รับการยกเว้นวีซาเข้าสหรัฐฯ อยู่แล้ว (รวมถึงพลเมือง 23 ประเทศในสหภาพยุโรป) ก็อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ด้วย
ตามร่างกฎหมายที่ พอล เสนอ พลเมืองจาก 38 ประเทศที่อยู่ในข่ายยกเว้นวีซา และเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพื่อท่องเที่ยวหรือติดต่อธุระอยู่เป็นประจำ สามารถสมัครใช้โปรแกรม Global Entry ซึ่งจะปล่อยผ่านนักเดินทางต่างชาติที่มีความเสี่ยงน้อย และเคยถูกตรวจสอบประวัติหรือให้สัมภาษณ์กับทางการสหรัฐฯ แบบตัวต่อตัวมาแล้ว
ปัจจุบัน โปรแกรมที่ว่านี้ยังเปิดให้ใช้ได้เฉพาะพลเมืองสหรัฐฯ ผู้พำนักถาวร และพลเมืองต่างชาติอีกไม่กี่ประเทศ เช่น แคนาดา, เม็กซิโก และเนเธอร์แลนด์
“แค่ผ่านขั้นตอนการสัมภาษณ์นิดหน่อยเพื่อบอกให้เรารู้ว่าคุณเป็นใคร คงไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลเกินไปที่จะทำ” พอล กล่าว
ขณะที่ประเด็นการรับผู้ลี้ภัยซีเรียเข้าประเทศกำลังเป็นที่ถกเถียงอย่างหนักในสัปดาห์นี้ สมาชิกสภาคองเกรสบางคนรวมถึง พอล ก็เริ่มมองหาหนทางปฏิรูปโครงการยกเว้นวีซาให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น
ไมเคิล แม็คโคล ประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวเตือนเมื่อวานนี้ (18) ว่า นโยบายยกเว้นวีซาเป็น “จุดอ่อน” อย่างหนึ่งที่อาจทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุในสหรัฐฯ และตนหวังว่าหลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในช่วงปลายเดือนนี้อาจจะมีการเสนอร่างกฎหมายใหม่เพื่ออุดช่องโหว่ของโครงการดังกล่าว