รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online – วุฒิสภาของรวันดาลงมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ในวันอังคาร (17 พ.ย.) ให้มีการกำหนดบทบัญญัติเพิ่มเติมในรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดี ปอล คากาเม สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกเป็นสมัยที่ 3 โดยความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นล่าสุดในรวันดานี้ ถือเป็นก้าวแรกของความพยายามในการขยายระยะเวลาการครองอำนาจของผู้นำรวันดาที่จะต้องมีการลงประชามติรับรองอีกชั้นหนึ่ง และหลายฝ่ายลงความเห็นตรงกันว่า ไม่น่าจะมีเสียงต่อต้านมากนักจากประชาชนในประเทศนี้
ประธานาธิบดีปอล คากาเม ได้ก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะผู้นำรวันดา มาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2000 และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูประเทศและยุติสงครามกลางเมืองเมื่อปี 1994 ที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างชนเผ่าฮูตูและทุตซี จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 800,000 ราย
ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีที่คากาเมก้าวขึ้นครองอำนาจ ภาคเศรษฐกิจและสังคมของรวันดา ได้มีพัฒนาการก้าวหน้าไปมาก แต่ระบอบการปกครองของคากาเมกลับถูกโจมตีอย่างหนัก จากบรรดากลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนจากทั่วโลกถึงการลิดรอนเสรีภาพทางการเมืองและการแสดงความคิดเห็น ซึ่งรัฐบาลรวันดายืนกรานปฏิเสธเรื่องนี้มาโดยตลอด
ด้าน แบร์กนาร์ มากูซา ประธานวุฒิสภาของรวันดา ออกมาเปิดเผยว่า การจัดลงประชามติ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจรับรองการแก้ไขรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การขยายระยะเวลาการครองอำนาจของประธานาธิบดีคากาเมในครั้งนี้ น่าจะผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
รายงานข่าวระบุว่า หากขั้นตอนทุกอย่างผ่านฉลุย ประธานาธิบดีคากาเม ซึ่งเป็นผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดในทวีปแอฟริกาในเวลานี้ จะสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกหลังจากหมดวาระปัจจุบันในปี 2017 ซึ่งหากได้รับเลือกตั้งคากาเมก็จะได้อยู่ในอำนาจต่อไปอีก 7 ปี และจากนั้นยังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีก 2 สมัยๆละ 5 ปี หรือหมายความว่า คากาเมมีโอกาสได้ครองอำนาจในฐานะผู้นำรวันดาแบบผูกขาดยาวนานจนถึง “ปี 2034”
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ตัวของคากาเมเองยังไม่เคยออกมาแสดงจุดยืนใด ๆ ว่า ตัวเขามีความประสงค์จะครองอำนาจต่อหลังจากหมดวาระในปี 2017 หรือไม่ มีเพียงการเปิดเผยว่า เขาจะไม่ปิดกั้นตัวเองในเรื่องนี้ หากได้รับการโน้มน้าวจากบรรดาพันธมิตรทางการเมืองและคนใกล้ชิด
ด้านมาร์ค โทเนอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำแถลงที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุ สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้บริจาครายใหญ่ต่อรวันดา มี “ความกังวล” ต่อความเคลื่อนไหวทางการเมืองล่าสุดในรวันดา และว่าประธานาธิบดีปอล คากาเม ควรก้าวลงจากอำนาจหลังหมดวาระปัจจุบันในปี 2017
ก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุวุ่นวายทางการเมืองในประเทศเพื่อนบ้านอย่างบุรุนดี หลังจากที่ประธานาธิบดีปิแอร์ เอ็นกูรุนซิซาตัดสินใจเมื่อเดือนเมษายนในการลงสมัครรับเลือกตั้งอีกเป็นสมัยที่ 3 นำมาซึ่งความไม่พอใจและการประท้วงใหญ่ของประชาชนทั่วไป จนเกิดเหตุนองเลือดและวิกฤตทางการเมืองตามมา ขณะที่ในประเทศสาธารณรัฐคองโกนั้น ประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งลงคะแนนหนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้ประธานาธิบดีเดนิส ซัสซู เอ็นเกสโซ สามารถครองอำนาจต่อได้เป็นสมัยที่ 3 แต่ความเคลื่อนไหวนี้ถูกต่อต้านอย่างหนักจากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ที่เดินหน้าจัดการประท้วงรัฐบาลจนเกิดการนองเลือดตามมา