เอเอฟพี - เครื่องบินรบฝรั่งเศสไล่ถล่มเป้าหมายต่างๆของพวกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรีย อย่างเข้มข้นในวันอังคาร (17 พ.ย.) ตามหลังเหตุโจมตีนองเลือดกรุงปารีส ส่วนรัสเซีย ก็ได้ยกระดับถล่มหนักหน่วงขึ้น ทั้งเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลและขีปนาวุธร่อนยิงจากทะเล หลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศล้างแค้นนักรบกลุ่มนี้ หลังพบหลักฐานแน่ชัดว่าเครื่องบินโดยสารของสายการบินเมโทรเจ็ตถูกวางระเบิด พร้อมสั่งการกองทัพเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียร่วมมือกับฝรั่งเศสในฐานะพันธมิตร
นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าเป็นไปได้ที่การเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในซีเรียจะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์นี้ ขณะที่เขาแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับประชาชนชาวฝรั่งเศส หลังจากมือปืนและมือระเบิดฆ่าตัวตายของไอเอส ก่อเหตุสังหารหมู่ในกรุงปารีส 129 ศพ ในค่ำคืนวันศุกร์ (13 พ.ย.)
เคร์รีบอกว่าข้อตกลงระหว่างหลายประเทศที่เคยเห็นต่างกันอย่างมาก อย่างอิหร่าน รัสเซียและซาอุดีอาระเบีย บนเส้นทางสู่การเลือกตั้งในซีเรีย ณ โต๊ะเจรจาที่จัดขึ้นในกรุงเวียนนา ออสเตรเลัย เมื่อวันเสาร์ (14 พ.ย.) คือก้าวย่างใหญ่หลวง และเขาคาดหมายว่าจะมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว “เราอยู่ห่างจากความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่สำหรับซีเรียอยู่ไม่กี่สัปดาห์” เขากล่าว
กระบวนการทางการเมืองที่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็วมีขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประกาศไล่ล่าไอเอสอย่างไม่ปรานี จากการก่อสงครามของพวกเขา ส่วนรัสเซียประกาศแก้แค้น หลังยืนยันเชื่อว่าเครื่องบินโดยสารหมีขาวที่ตกเมื่อเดือนที่แล้วในคาบสมุทรไซนายพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือทั้งลำ 224 ชีวิต ถูกโจมตีด้วยระเบิด
ออลลองด์จะเดินทางเยือนวอชิงตันในวันที่ 24 พฤศจิกายน เพื่อพบปะกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ และมีแผนนัดหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในอีก 2 วันหลังจากนั้น
ในปารีส ชาวบ้านยังคงหลั่งไหลมาวางดอกไม้และจุดเทียนไว้อาลัยแก่เหยื่อผู้เสียชีวิตตามสถานที่ต่างๆ แต่เงามืดก็ยังคงปกคลุมเมืองแห่งแสงสีแห่งหนี้ แม้เหตุระเบิดฆ่าตัวตายและมือปืนโจมตีเมืองหลวงของฝรั่งเศส ผ่านพ้นมาแล้ว 4 วัน
อีกด้านหนึ่งที่เมืองรักกาของซีเรีย ป้อมปราการของไอเอส เครื่องบินรบของฝรั่งเศสระดมถล่มทางอากาศทำลายศูนย์บัญชาการและศูนย์ฝึกหัดของไอเอส ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศระลอกใหญ่ครั้งที่ 2 ในรอบ 24 ชั่วโมง จากการเปิดเผยของนายมานูเอล วาลส์ นายกรัฐมนตรี ส่วนนายออลลองด์เผยว่าฝรั่งเศสจะส่งเรือบรรทุกเครื่องบินชาร์ลส์ เดอ โกลล์ จะถูกส่งเข้าประจำการทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อสนับสนุนภารกิจทางทหารในซีเรีย
ความเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส สอดคล้องกับปฏิบัติการของรัสเซีย ที่ได้เพิ่มจำนวนการโจมตีทางอากาศในเมืองรักกาของซีเรียในวันอังคาร (17 พ.ย.) ขึ้นอย่างมาก ในนั้นรวมถึงเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลและขีปนาวุธร่อนจากยิงทะเล จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ขณะที่ ปูติน ออกคำสั่งให้กองทัพเรือเครมลิน ในเมดิเตอร์เรเนียน ติดต่อประสานงานกับฝรั่งเศสและร่วมมือกันในฐานพันธมิตร ในการทำสงครามกับพวกไอเอส
การยกระดับโจมตีของรัสเซีย มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ ปูติน เพิ่งประกาศพลิกแผ่นดินล่าไอเอส หลังจากมอสโกยืนยันว่าเครื่องบินโดยสารหมีขาวที่ตกเมื่อเดือนที่แล้วในคาบสมุทรไซนาย ถูกวางระเบิด “เราทราบข่าวไม่กี่ชัวโมงที่ผ่านมาว่า รัสเซียดำเนินการโจมตีทางอากาศในรักกาหนักหน่วงอย่างมาก บางส่วนอาจเป็นการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธร่อนยิงจากทะเลและเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามกล่าว
ในเวลาต่อมา ทางเซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ยืนยันว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์แดนหมีขาวได้ถล่มเป้าหมายต่างๆของไอเอสในจังหวัดรักกาและเดอีร์ เอซ-ซอร์ ของซีเรีย หลังจากปูตินประกาศแก้แค้นนักรบที่อยู่เบื้องหลังเหตุวางระเบิดเครื่องบินของสายการบินเมโมรเจ็ต
“เครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกล Tu-22 ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายต่างๆขององค์กรก่อการร้ายไอเอสในจังหวัดรากาและเดอีร์ เอซ-ซอร์” ชอยกูกล่าว พร้อมระบุว่ามีการยิงขีปนาวุธร่อนถล่มเป้าหมายต่างๆ ในจังหวัดอะเลปโป และอิดลิบด้วย
พันธมิตรนานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯ และรัสเซีย ต่างปฏิบัติการโจมตีทางอากาศแยกกันในซีเรีย แต่เหตุสังหารหมู่ในกรุงปารีสและเหตุวางระเบิดเครื่องบินของสายการบินเมโทรเจ็ต ได้ดึงทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน และล่าสุดทางประธานาธิบดีปูติน ในวันอังคาร (17 พ.ย.)ได้ออกคำสั่งให้กองทัพเรือมอสโกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ประสานงานติดต่อกับฝรั่งเศสและร่วมมือกันในฐานะพันธมิตร ในการทำสงครามกับพวกไอเอสในซีเรีย
“มันจำเป็นที่ต้องมีการประสานงานติดต่อโดยตรงกับฝรั่งเศสและทำงานร่วมกับพวกเขาในฐานะพันธมิตร” ปูตินบอกกับที่ประชุมเหล่านายทหารระดับสูง หลังจากประธานาธิบดีออลลองด์ เผยว่าจะส่งเรือบรรทุกเครื่องบินชาร์ลส์ เดอ โกล์ เข้าประจำการทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ส่วนทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแถลงในวันเดียวกันว่า ประธานาธิบดีปูติน และประธานาธิบดีออลลองด์ เห็นพ้องผ่านการหารือทางโทรศัพท์ ต่อการยกระดับความร่วมมือระหว่างกองทัพทั้งสองและหน่วยงานข่าวกรองในซีเรีย ตามหลังเหตุโจมตีในปารีสและเหตุระเบิดเครื่องบินโดยสารแดนหมีขาว “มีการเห็นพ้องกันเพื่อรับประกันการติดต่อและประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกองทัพและหน่วยงานข่าวกรองของสองประเทศ ในปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในซีเรีย”