รัสเซียไว้อาลัยเครื่องบินตกที่อียิปต์ คาดไอเอสอ้างสอยร่วงแค่คุยโว

เอเจนซีส์ - รัสเซียได้ทำการไว้อาลัยในวันอาทิตย์ (1 พ.ย.) ให้แก่ผู้เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียตกบริเวณคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ ทำให้ผู้คนบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด 224 ราย

ธงบนอาคารรัฐสภาในเกรมลินและหน่วยงานรัฐอื่นๆ ได้ถูกลดลงมาครึ่งเสาเพื่อให้เกียรติแก่เหยื่อผู้เสียชีวิต ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย

กลุ่มก่อการร้ายในสังกัดไอเอสอ้างเป็นผู้สอยเครื่องบินพาณิชย์รัสเซียร่วงพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 224 คนเหนือคาบสมุทรไซนายของอียิปต์เมื่อวันเสาร์ (31 ต.ค.) เพื่อล้างแค้นที่มอสโกเข่นฆ่าชาวมุสลิมนับร้อยในซีเรีย แต่คาดเป็นเพียงคำกล่าวอ้างโคมลอย เนื่องจากนักรบหัวรุนแรงในบริเวณดังกล่าวไม่มีจรวดที่สามารถยิงเครื่องบินที่ระดับความสูง 9,000 เมตร

กระทรวงการบินพลเรือนอียิปต์แถลงว่า เครื่องบินแอร์บัส เอ321 ของสายการบินโคกาลีมาเวียหรือเมโทรเจ็ต ที่บินจากชาร์ม เอล ชีค เมืองตากอากาศในทะเลแดงของอียิปต์ มุ่งหน้าสู่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในรัสเซีย ตกกลางคาบสมุทรไซนายเมื่อรุ่งเช้าวันเสาร์

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอียิปต์เผยว่า ตัวเครื่องบินแยกออกเป็นสองส่วน โดยส่วนหางไหม้ไฟ ขณะที่ส่วนลำตัวเสียหายจากการชนกับหน้าผา ร่างผู้โดยสารและลูกเรือจำนวนหนึ่งกระเด็นออกจากตัวเครื่อง ขณะที่บางศพยังรัดเข็มขัดติดกับเบาะนั่ง โดยล่าสุดยังเหลือร่างผู้โดยสารอย่างน้อย 100 รายติดอยู่ในห้องโดยสาร

โมฮัมเหม็ด ฮอสซัม เคมาล รัฐมนตรีกระทรวงการบินพลเรือนอียิปต์แถลงว่า พบกล่องดำทั้งสองกล่องของเครื่องบินแล้ว และว่า การสื่อสารระหว่างเครื่องบินที่ประสบอุบัติเหตุกับศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศก่อนที่เครื่องบินจะตกปกติดี และนักบินไม่ได้ขอเปลี่ยนเส้นทางบินแต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรีเชอรีฟ อิสมาอิลของอียิปต์ ขานรับว่า ไม่มีสิ่งบ่งชี้กิจกรรมผิดปกติใดๆ แต่สำทับว่า การสอบสวนเพิ่มเติมจะได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนขึ้น โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินและผู้เชี่ยวชาญด้านการบินกำลังค้นหาเบาะแสจากซากเครื่องบินที่กระจัดกระจายเป็นวงกว้าง

อิสมาอิลเสริมว่า สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้แล้ว 129 ราย และแทบไม่มีความเป็นไปได้ที่จะพบผู้รอดชีวิต โดยศพเหล่านั้นถูกลำเลียงไปยังโรงพยาบาลหลายแห่ง และ 34 ศพไปถึงสถานเก็บศพในกรุงไคโรเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์

ขณะเดียวกัน กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ออกแถลงการณ์ผ่านทวิตเตอร์ อ้างความรับผิดชอบในการยิงเครื่องบินพาณิชย์ของรัสเซีย โดยระบุว่า เพื่อตอบโต้ที่มอสโกส่งกำลังทางอากาศโจมตีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งรวมถึงไอเอส ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน

ทั้งนี้ ไซนายเป็นพื้นที่ที่กลุ่มนักรบหัวรุนแรงที่ใกล้ชิดกับไอเอสปฏิบัติการโจมตีและสังหารทหารและตำรวจอียิปต์นับร้อยนาย รวมถึงเป้าหมายตะวันตกในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ พื้นที่จำนวนมากของคาบสมุทรแห่งนี้เป็นเขตหวงห้ามทางทหาร

อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายเชื่อว่านักรบอิสลามบนคาบสมุทรไซนายไม่มีจรวดที่สามารถยิงเครื่องบินที่ระดับความสูง 9,000 เมตร และที่ผ่านมา เว็บไซต์ไอเอสมักออกมาอวดอ้างความรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ

กระนั้น สายการบินใหญ่สุดสองแห่งของยุโรปคือ ลุฟต์ฮันซาและแอร์ ฟรานซ์ เคแอลเอ็ม ประกาศหลีกเลี่ยงการบินผ่านคาบสมุทรไซนาย จนกว่าจะมีคำอธิบายสาเหตุเครื่องบินของรัสเซียตก

ด้านประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซีของอียิปต์ รับปากวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียว่าจะยอมให้ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียเข้าร่วมการสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้

นายกรัฐมนตรีอียิปต์เสริมว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญของรัสเซียมีกำหนดเดินทางถึงอียิปต์คืนวันเสาร์ และไคโรกำลังเตรียมการต้อนรับครอบครัวผู้เสียชีวิต

ที่มอสโก ปูตินประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศในวันอาทิตย์ (1) โดยผู้โดยสารทั้งหมดบนเครื่องบินที่ตกประกอบด้วยชาวรัสเซีย 214 คน และยูเครน 3 คน พร้อมกับลูกเรือ 7 คน

ทั้งนี้ เครื่องบินแอร์บัส เอ321 เป็นเครื่องบินขนาดกลาง เริ่มให้บริการในปี 1994 ผ่านสายการบินกว่า 1,100 แห่งทั่วโลก โดยมีสถิติความปลอดภัยที่ดี เป็นเครื่องบินที่มีระบบการทำงานอัตโนมัติโดยอิงกับคอมพิวเตอร์ ช่วยให้นักบินรักษาสภาพการบินภายในขีดจำกัดความปลอดภัย

แอร์บัสเผยว่า เอ321 ลำที่เกิดโศกนาฏกรรมผลิตในปี 1997 และดำเนินการโดยเมโทรเจ็ตตั้งแต่ปี 2012 ผ่านการใช้งานมาแล้ว 56,000 ชั่วโมงในเกือบ 21,000 เที่ยวบิน และใช้เครื่องยนต์จากกลุ่มอินเตอร์เนชันแนล แอโร เอนจินส์ ที่รวมถึงแพรตต์ แอนด์ วิทนีย์ บริษัทในเครือของยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ และเอ็มทียู แอโร เอนจินส์ของเยอรมนี