ดีเบตเดโมแครตโหนกระแสปารีส “ฮิลลารี คลินตัน” เรียกร้องทั่วโลกสู้ไอเอส

เอเจนซีส์ - ฮิลลารี คลินตัน ตัวเก็งผู้แทนพรรคเดโมแครตในศึกชิงทำเนียบขาว เรียกร้องทั่วโลกร่วมมือบดขยี้ไอเอส แต่อย่าเหมารวมชาวมุสลิม ระหว่างการโต้วาทีกับผู้สมัครคนอื่นๆ ซึ่งเหตุโจมตีใหญ่ในปารีสกลายเป็นประเด็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศผู้นี้ยืนกรานว่า อเมริกาไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มหรือรับบทนำในการทำสงครามกับนักรบญิฮัดในตะวันออกกลาง

ผู้สมัครทั้งสามเริ่มต้นการโต้วาทีเมื่อวันเสาร์ (14 พ.ย.) ด้วยการยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแก่เหยื่อการก่อการร้ายในปารีสที่เกิดขึ้นหนึ่งวันก่อนหน้านั้น และทำให้การปราบปรามการก่อการร้ายกลายเป็นประเด็นร้อนในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นปลายปีหน้า โดยทั้งสามใช้เวลาชิงไหวชิงพริบกันเรื่องนี้ตลอดครึ่งชั่วโมงแรกของการดีเบต

คลินตัน, เบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกที่ยึดแนวทางเสรีนิยม และมาร์ติน โอมอลลีย์ อดีตผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ ประสานเสียงเรียกร้องการกำจัดนักรบญิฮัดที่ถูกกล่าวหาว่า สังหารหมู่เหยื่ออย่างน้อย 129 รายในการโจมตีที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายจุดในปารีสเมื่อวันศุกร์ (13)

“เราไม่ได้กำลังทำสงครามกับศาสนาอิสลาม แต่เราทำสงครามกับพวกหัวรุนแรง” คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เลือกใช้ถ้อยคำอย่างระมัดระวังพร้อมเตือนว่า ไม่ควรมองว่าชาวมุสลิมทั่วไปเป็นภัยคุกคาม

อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งผู้นี้ยังเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมกันปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งเธอบอกว่า เป็นกลุ่มก่อการร้ายญิฮัดที่ใช้ความรุนแรงและโหดร้ายป่าเถื่อน

ไอเอสนั้นออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต ร้านอาหาร บาร์ และด้านนอกสนามกีฬาแห่งชาติของฝรั่งเศสในกรุงปารีส ซึ่งมีการประสานงานกันอย่างดี โดยระบุว่า เพื่อแก้แค้นที่แดนน้ำหอมโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มของตนในซีเรีย

“เราไม่เพียงแค่กำราบไอเอสเท่านั้น แต่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก” คลินตันประกาศ ซึ่งต่างจากการให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อวันศุกร์ว่า “เราสามารถกำราบไอเอสได้”

คลินตันสำทับว่า เธอสนับสนุนความพยายามในการฝึกและติดอาวุธให้นักรบสายกลางในซีเรีย เนื่องจากเชื่อว่า หากปล่อยให้เกิดสุญญากาศการเมืองในซีเรีย กลุ่มหัวรุนแรงจะฉวยโอกาสเข้าแทรกซึม

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศหญิงยังแสดงจุดยืนตรงข้ามกับโอบามาเรื่องผู้ลี้ภัยซีเรีย โดยเรียกร้องให้คณะบริหารรับผู้อพยพเพิ่ม 10,000 คนในปีงบประมาณหน้า แต่ต้องมีกระบวนการคัดกรองและตรวจสอบอย่างรอบคอบที่สุด

เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้สมัครทั้งสามคนของเดโมแครตหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “อิสลามหัวรุนแรง” ที่ผู้ดำเนินรายการและผู้สมัครเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันเพื่อลงชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีใช้

“อย่าตกหลุมพรางด้วยการคิดว่า เพื่อนบ้านมุสลิม-อเมริกันของเราเป็นศัตรู” โอมอลลีย์ประกาศ ซึ่งตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับเจบ บุช ผู้สมัครจากรีพับลิกันที่ทวีตเมื่อวันเสาร์ว่า “เรากำลังทำสงครามกับกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง”

แม้ผู้สมัครของเดโมแครตมีความเห็นสอดคล้องเรื่องการกำจัดนักรบญิฮัด แต่กลับขัดแย้งกันในประเด็นที่ว่า อเมริกาควรเป็นผู้นำภารกิจนี้หรือไม่

คลินตันเห็นว่า การเป็นผู้นำของอเมริกาเป็นสิ่งสำคัญในความพยายามนี้ โดยใช้เครื่องมือทางการทูตทั้งหมดแทนที่จะใช้เพียงแสนยานุภาพทางทหาร “แต่นี่ต้องไม่ใช่การต่อสู้ของอเมริกา”

อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งที่ย้ำบ่อยครั้งว่า การลงมติสนับสนุนการทำสงครามในอิรักเป็นสิ่งผิดพลาด แจงว่า อเมริกาไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มหรือมีบทบาทหลัก แต่ควรปล่อยให้ประเทศในตะวันออกกลางรับบทนำในการแก้ไขความขัดแย้ง

ทว่า โอมอลลีย์มองต่างมุมโดยสิ้นเชิง “นี่คือการต่อสู้ของอเมริกาอย่างแท้จริง อเมริกาจะเยี่ยมยอดที่สุดเมื่อเรายืนหยัดต่อสู้กับปีศาจร้ายในโลกนี้”

นอกจากประเด็นไอเอสแล้ว ระหว่างการดีเบตที่เดอมวนส์ รัฐไอโอวา ซึ่งถือเป็นการโต้วาทีครั้งที่สองของเดโมแครต และก่อนถึงการหยั่งเสียงรอบแรกที่ไอโอวากว่าสองเดือนเล็กน้อยนั้น ยังมีการพาดพิงถึงสงครามอิรัก โดยแซนเดอร์โจมตีว่า การทำสงครามในอิรักซึ่งคลินตันโหวตสนับสนุนเมื่อปี 2002 ขณะดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิก เป็นต้นเหตุให้อัลกออิดะห์และไอเอสผงาดขึ้นมาก่อความวุ่นวาย

“สงครามอิรักเป็นหนึ่งในความผิดพลาดด้านนโยบายต่างประเทศที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของอเมริกา” แซนเดอร์ปล่อยหมัดเด็ด

สำหรับประเด็นเศรษฐกิจ แซนเดอร์เรียกร้องการปฏิวัติเศรษฐกิจ พร้อมโจมตีคลินตันเรื่องความสัมพันธ์กับวอลล์สตรีท และสำทับว่า โมเดลธุรกิจของวอลล์สตรีทมีแต่ความฉ้อฉล และเขาจะจัดการแบงก์เหล่านั้นหากได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี

คลินตันตอบโต้เรื่องนี้ว่า แซนเดอร์พยายามทำลายเธอ และย้ำว่า ลำพังกฎหมายไม่เพียงพอที่จะควบคุมอิทธิพลของธุรกิจและปฏิรูปวอลล์สตรีทได้

ทั้งนี้ จากการสำรวจล่าสุดของเรียลเคลียร์โพลิติกส์ คลินตันที่ถือว่า มีนโยบายแบบสายเหยี่ยวเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ กวาดคะแนนลอยลำ 54%, แซนเดอร์ ผู้ประกาศตนสนับสนุนแนวทางสังคมนิยมประชาธิปไตยได้ 33% และโอมอลลีย์เก็บได้เพียง 3%