เอเอฟพี - เจมส์ แคลปเปอร์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ แถลงวานนี้ (2 พ.ย.) ว่า ตนยังไม่ได้รับข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า เหตุเครื่องบินโดยสารของรัสเซียตกในอียิปต์จนผู้โดยสารและลูกเรือ 224 คนเสียชีวิตยกลำเป็นฝีมือกลุ่มก่อการร้าย แม้เครือข่ายกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) จะออกมาอ้างความรับผิดชอบก็ตาม
ในงานเสวนาด้านกลาโหมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แคลปเปอร์ ชี้ว่า “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่กลุ่มติดอาวุธอย่างไอเอสจะมีศักยภาพในการโจมตีถึงขั้นนั้น “แต่เราก็ยังไม่ตัดประเด็นนี้ออกไป”
“เรายังไม่พบหลักฐานโดยตรงที่จะยืนยันได้ว่า เรื่องนี้พัวพันการก่อการร้าย”
เครือข่ายไอเอสในอียิปต์อ้างว่าได้ยิงเครื่องบินโดยสารรัสเซียที่ออกเดินทางจากเมือง ชาร์ม เอล ชัยค์ เพื่อไปยังนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กตกเมื่อวันเสาร์ (31 ต.ค.) ทว่า รัฐบาลไคโรและมอสโกยังไม่ปักใจเชื่อ
“ไอเอสออกมาอ้างความรับผิดชอบ... แต่เราก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจริงหรือไม่” แคลปเปอร์ กล่าว พร้อมระบุว่า เมื่อมีการตรวจสอบข้อมูลกล่องดำแล้ว “อาจจะทราบอะไรมากขึ้น”
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนอื่นๆ ก็พูดไปในทางเดียวกันว่ายังเร็วเกินไปที่จะเชื่อมโยงโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งนี้กับการก่อการร้าย
นิโคลัส ราสมุสเซน ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านก่อการร้ายแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวในเวทีเสวนากลาโหมว่า กระบวนการสอบสวนกรณีเครื่องบินรัสเซียตกในเขตคาบสมุทรไซนายของอียิปต์ยังไม่เสร็จสิ้น “แต่ ณ ขณะนี้เรายังไม่ได้รับข่าวกรองใดๆ ที่จะเชื่อมโยงกับลัทธิก่อการร้าย”
“เราไม่ได้รับรายงานใดๆ ที่สนับสนุนสมมติฐานข้อนี้เลย” เอลิซาเบธ ทรูโด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเสริม
เจ้าหน้าที่เพนตากอนอีกคนหนึ่งยอมรับว่า ตนยังไม่ให้น้ำหนักกับเรื่องก่อการร้าย เพราะขีปนาวุธที่จะสามารถยิงเครื่องบินโดยสารซึ่งอยู่สูงหลายหมื่นฟุตได้มีแต่ “รัฐ” เท่านั้นที่เป็นเจ้าของ
สายการบินโคกาลีมาเวีย (Kogalymavia) ของรัสเซีย ระบุว่า แอร์บัส เอ 321 ลำนี้น่าจะตกเพราะ “ปัจจัยภายนอก” และไม่มีเหตุขัดข้องทางเทคนิคใดๆ ที่จะเป็นต้นเหตุให้เครื่องบินแตกกระจายกลางอากาศได้
ทีมสอบสวนซึ่งนำโดยอียิปต์ได้เดินทางเข้าไปยังจุดตกของเครื่องบินบนคาบสมุทรไซนายเพื่อสืบหาสาเหตุที่เป็นไปได้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากรัสเซีย แอร์บัส และไอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่เครื่องบินลำนี้จดทะเบียน เข้าร่วมตรวจสอบด้วย