รอยเตอร์ – โลกตะวันตกคือผู้ที่ควรถูกประณามว่าเป็นตัวการทำให้เกิดวิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยซึ่งยุโรปกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้ เนื่องจากพวกตะวันตกนั่นเองที่เข้าแทรกแซงกิจการของประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง ในความพยายามที่จะยัดเยียดค่านิยมของตน อย่างเช่น ประชาธิปไตย ทว่าลงท้ายแล้วกลับก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย ทั้งนี้เป็นความเห็นของอดีตนักการทูตอาวุโสแดนมังกร ซึ่งเขียนลงในนิตยสารฉบับสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
สหภาพยุโรป (อียู) ที่เกิดการแตกแยกกันอย่างขมขื่น กำลังดิ้นรนหาหนทางรับมือกับผู้คนจำนวนแสนๆ คน ซึ่งหลบหนีภัยสงครามและความยากจนในตะวันออกกลาง, เอเชีย, และแอฟริกา ไหลทะลักเข้ามายังยุโรป โดยที่เยอรมนี ชาติเจ้าของเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอียู คาดหมายว่าจะมีผู้ขอลี้ภัยจำนวนระหว่าง 800,000 ถึง 1 ล้านคนทีเดียว เดินทางเข้ามาในปีนี้
ขณะที่จีนได้เรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่าให้ใช้หนทางการเจรจามาเป็นวิธีแก้ไขปัญหาในซีเรีย ซึ่งเป็นต้นแหล่งที่มาของผู้ลี้ภัยจำนวนมาก รวมทั้งได้กล่าวเตือนว่าการเข้าแทรกแซงด้วยกำลังทหารนั้น มีแต่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
ในฉบับล่าสุดของนิตยสารรายปักษ์ “ฉิวซื่อ” (แสวงหาสัจจะ) ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน อู๋ ซือเคอ (Wu Sike) อดีตผู้แทนพิเศษของจีนในภูมิภาคตะวันออกกลาง เขียนบทความระบุว่า การปฏิวัติในประเทศต่างๆ ซึ่งสร้างความยุ่งเหยิงปั่นป่วนให้แก่โลกอาหรับนับตั้งแต่ปลายปี 2010 เป็นต้นมานั้น ได้ถูกชาติตะวันตก “ใช้” เพื่อผลักดันวาระของฝ่ายโลกตะวันตกเอง
“การลอกเลียน “การปฏิวัติสี” ที่เป็นการลอกเลียนเส้นทางการพัฒนาและระบบการเมืองของโลกตะวันตกแบบกลไกตายตัวนั้น ไม่เพียงแต่จะไม่นำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยหรือชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างที่ประชาชนคาดหมายเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดวงจรแห่งความรุนแรงและการนองเลือดขึ้นมาอีกด้วย” อู๋ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของกระทรวงการต่างประเทศจีน เขียนเอาไว้เช่นนี้
ทั้งนี้ คำว่า “การปฏิวัติสี” (colour revolution) เป็นการพาดพิงถึงการลุกฮือของประชาชนซึ่งเกิดขึ้นในอดีตรัฐโซเวียตหลายๆ แห่ง เป็นต้นว่า ยูเครน และบ่อยครั้งมักนำไปสู่การโค่นล้มผู้ปกครองประเทศที่กุมอำนาจมาอย่างยาวนาน
ยุโรปกำลังจ่ายค่าเสียหายจากการที่พวกเขาให้ความสนับสนุนขบวนการดังกล่าวนี้ในตะวันออกกลาง อู๋เขียนไว้ในนิตยสารทรงอิทธิพลของพรรคฉบับนี้
“นโยบายที่มุ่งเข้าไปแทรกแซง ทั้งของสหรัฐฯ, ยุโรป, และพวกชาติตะวันตกอื่นๆ รวมทั้งความพยายามของพวกเขาในการยัดเยียดค่านิยมของพวกเขาเอง เพื่อเปลี่ยนแปลงตะวันออกกลางนั้น ก่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในระยะยาว และเป็นปัจจัยโน้มน้าวอันสำคัญประการหนึ่งของกระแสคลื่นผู้ลี้ภัยระลอกนี้” เขาระบุ
พวกเจ้าหน้าที่จีนมักอ้างอิงถึง “การปฏิวัติสี” กันบ่อยครั้ง รวมทั้งพูดถึงปัญหาต่างๆ ซึ่งพวกเขามองว่าเป็นผลลัพธ์อันเลวร้ายที่ตามมา เพื่อเป็นเครื่องเตือนประชาชนในจีนเองถึงความยุ่งเหยิงวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น จากการลอกเลียนค่านิยมตะวันตก และทำการโค่นล้มรัฐบาลที่ครองอำนาจมายาวนาน