เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันปรับขึ้น 3 วันติดในวันศุกร์ (30 ต.ค.) หลังข้อมูลพบกำลังผลิตสหรัฐฯ ลดลง ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ แต่ทำสถิติเป็นเดือนที่ปิดบวกร้อนแรงที่สุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ทองคำขยับลง จากแนวโน้มเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 53 เซ็นต์ ปิดที่ 46.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 76 เซ็นต์ ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลจากกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เผยให้เห็นว่ากำลังผลิตของประเทศลดลง 45,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม จากระดับกำลังผลิต 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม
ขณะเดียวกัน เบเกอร์ ฮิวจ์ อิงก์ รายงานว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐฯที่มีการใช้งาน ลดลง 16 แท่น สู่ระดับ 578 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกันและลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 64 เปอร์เซ็นต์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (30 ต.ค.) ปิดลบพอสมควร แต่ดาวโจนส์ทำสถิติขยับขึ้นตลอดทั้งเดือนแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 4 ปี เคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาดโลก
ดาวโจนส์ ลดลง 92.26 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17.663.54 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 10.05 จุด (0.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,079.36 จุด แนสแดค ลดลง 20.53 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,053.75 จุด
ตลาดทุนทั่วโลกกลับมาขยับขึ้นอีกครั้งในเดือนตุลาคม หลังดิ่งลงแรงในเดือนสิงหาคมและกันยายน อันมีต้นตอจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว
นักลงทุนมองว่าปัจจัยที่สนับสนุนตลาดหุ้นอย่างกว้างขวางในเดือนตุลาคม ก็คือเหล่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ แย้มถึงความเป็นไปได้ในการออกมาตรการกระตุ้นเงินเฟ้อและเศรษฐกิจเพิ่มเติม หรือไม่ก็เลื่อนกรอบเวลาในการขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้แล้วตลาดยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ
ส่วนราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ (30 ต.ค.) ปิดลบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน จากแนวโน้มที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,141.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์