เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันเมื่อวันจันทร์ (5 ต.ค.) ขยับขึ้นพอสมควร ได้แรงหนุนจากแนวโน้มกำลังผลิตที่ลดลงในสหรัฐฯ ที่อาจคลายปัญหาอุปทานล้นตลาด ส่วนวอลล์สตรีทพุ่งแรงและทองคำบวก ด้วยนักลงทุนคาดเฟดคงยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 72 เซ็นต์ ปิดที่ 46.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ข้อมูลของเบเกอร์ ฮิวจ์ส บริษัทสำรวจและขุดเจาะเชื้อเพลิงรายใหญ่ของโลก ก่อประโยชน์แก่ราคาน้ำมัน 2 วันติด หลังพบกำลังผลิตที่ลดลงในสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เบเกอร์ ฮิวจ์ส รายงานเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) ว่ามีแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ยังปฏิบัติการอยู่ลดลง 26 แท่น เหลือ 614 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว กระพือความคาดเดาว่ากำลังผลิตในสหรัฐฯ น่าจะลดลง แม้ว่ายังคงอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (5 ต.ค.) ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยเอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้น 5 วันติด หลังนักลงทุนกะเก็งว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 304.06 จุด (1.85 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16.776.43 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 35.69 จุด (1.83 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,987.05 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 73.49 จุด (1.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,781.26 จุด
รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนกันยายนที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) พบว่ามีอัตราการเติบโตน้อยกว่าช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ เพิ่มแนวโน้วว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไปอีกระยะ
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำส่งผลให้หนี้กู้ยืมของบริษัทต่างๆลดลงและสามารถช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปัจจัยนี้เอง ส่งผลให้ราคาทองคำในวันจันทร์ (5 ต.ค.) ปิดบวก 2 วันติด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,137.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์