เอเอฟพี - สายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมาในระยะนี้บวกกับกระแสลมที่เป็นใจ ช่วยให้หมอกควันจากไฟป่าอินโดนีเซียเริ่มเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัดในหลายภูมิภาคของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเจ้าหน้าที่ต่างคาดหวังว่า วิกฤตมลพิษซึ่งบั่นทอนสุขภาพประชาชนมานานหลายสัปดาห์คงจะสิ้นสุดลงเร็วๆนี้
ประชาชนในหลายพื้นที่ของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ ในขณะที่ภาคใต้ของไทยและฟิลิปปินส์ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันเช่นกัน ก็เริ่มมีสถานการณ์ที่คลี่คลายลงไปมาก
การเผาป่าเพื่อแปลงเป็นพื้นที่เกษตรกรรมในอินโดนีเซียก่อมลพิษทางอากาศที่สร้างความเดือดร้อนต่อเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย เป็นประจำทุกปี ค่ามลพิษที่พุ่งสูงทำให้ประชาชนหลายพันคนล้มป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ มีการสั่งปิดโรงเรียน และยังกระทบต่อการสัญจรทางอากาศ รวมถึงงานอีเวนต์นานาชาติที่มีกำหนดจัดขึ้นในภูมิภาคนี้
สำนักงานอุตุนิยมวิทยามาเลเซียถึงขั้นประกาศว่าฤดูฝนของภูมิภาคได้เริ่มขึ้นแล้ว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า ปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” จะทำให้ฤดูฝนปีนี้ล่าช้ากว่าปกติเป็นเดือนๆ ซึ่งหมายความว่าวิกฤตไฟป่าและหมอกควันอาจจะยืดเยื้อต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี
“ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มพัดเข้ามา จึงถือว่ามาเลเซียได้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว” เช กายาห์ อิสมาอีล ผู้อำนวยการสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแดนเสือเหลือง ให้สัมภาษณ์
“หลังจากนี้ท้องฟ้าจะกลับมาสดใสและไม่มีหมอกควันปกคลุมอีกต่อไป เพราะลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะพัดเอาหมอกควันไฟป่าออกสู่มหาสมุทรอินเดีย” เธอกล่าว
ทางการอินโดนีเซียออกมาแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เริ่มดีขึ้นอย่างระมัดระวัง แต่ก็ยอมรับว่าคงจะมีฝนตกลงมาเพิ่มอีก
สุโตโป ปุรโว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย ชี้ว่า ฝนที่เริ่มตกบนเกาะสุมาตราและบอร์เนียวซึ่งมีการเผาป่าและพื้นที่เกษตรกรรมหลายพันจุดในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ ช่วยให้หมอกควันเบาบางลงไปมาก
“ชาวบ้านต่างดีอกดีใจ หลังจากชุมชนของพวกเขาถูกควันไฟปกคลุมมานานถึง 2 เดือนเต็ม” สุโตโป ระบุในคำแถลง พร้อมเผยว่า ฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้มีทั้งฝนธรรมชาติและฝนเทียมซึ่งเกิดจากการโปรยสารเคมีเข้าสู่กลุ่มเมฆ (cloud seeding)
สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติอินโดนีเซียระบุว่าจะมีฝนตกลงมาเพิ่มอีก ซึ่งจะช่วยให้การทำฝนเทียมประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น สุโตโป กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า วิกฤตหมอกควันในปีนี้มีแนวโน้มจะเลวร้ายเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากได้รับแรงเสริมจากสภาวะแห้งแล้งซึ่งเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ
สถาบันทรัพยากรโลก (World Resources Institute) ซึ่งมีฐานในสหรัฐฯ รายงานเมื่อต้นเดือนนี้ว่า ไฟป่าอินโดนีเซียทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกลอยขึ้นไปสะสมในชั้นบรรยากาศต่อวัน มากกว่าที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ก่อมลพิษอันดับ 2 ของโลกปลดปล่อยออกไปเสียอีก
อินโดนีเซียซึ่งเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากเพื่อนบ้านตัดสินใจยอมรับความช่วยเหลือจากนานาชาติเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากที่ความพยายามดับไฟป่าตลอดหลายสัปดาห์ก่อนหน้านั้นไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร โดยได้มีการส่งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์หลายสิบลำ และทหารอีกกว่า 20,000 นาย ลงพื้นที่ดับไฟ
สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสิงคโปร์ (NEA) ระบุว่า แม้ลมฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้จะส่งผลดีต่อการดับไฟป่า ทว่าคุณภาพอากาศในสิงคโปร์อาจเลวร้ายลงได้อีกหากกระแสลมเปลี่ยนทิศ
ภาคกลางและใต้ของฟิลิปปินส์ซึ่งได้รับผลกระทบจากหมอกควันไฟป่าอิเหนาก็เริ่มมีคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น หลังไต้ฝุ่นคปปุ (Koppu) จากไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยก่อนหน้านั้นกระแสลมจากไต้ฝุ่นได้พัดพาเอาหมอกควันจากอินโดนีเซียเข้าไปยังแดนตากาล็อก
อัลด์ซาร์ โอเรลิโอ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพยากรณ์อากาศฟิลิปปินส์ บอกกับเอเอฟพีว่า “เวลานี้ฟิลิปปินส์ไม่เผชิญปัญหาหมอกควันอีกต่อไป” แต่ก็เตือนว่า ยังมีไต้ฝุ่นอีกอย่างน้อย 3 ลูกที่คาดว่าจะพัดเข้าสู่หมู่เกาะฟิลิปปินส์ในปีนี้ และอาจหอบเอาควันไฟป่ากลับมาอีก