เอเอฟพี – การโจมตีทางอากาศต่อโรงพยาบาลในซีเรียที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อไม่นานมานี้ได้คร่าชีวิตผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ไปแล้วอย่างน้อย 35 รายและบาดเจ็บ 72 ราย องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (เอ็มเอสเอฟ) เปิดเผยในวันนี้ (29)
การโจมตีดังกล่าวโดยกองกำลังทางอากาศที่กลุ่มนี้ไม่ได้จำแนกว่าเป็นฝ่ายใดได้เริ่มเพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายเดือนกันยายน โดยพุ่งเป้าที่โรงพยาบาล 12 แห่งในจังหวัดอิดลิบ จังหวัดอเลปโป และจังหวัดฮามา ในจำนวนนี้มี 6 แห่งที่ได้รับการสนับสนุนจากเอ็มเอสเอฟ ถ้อยแถลงระบุ
“โดยรวมแล้วมีโรงพยาบาลต้องถูกสั่งปิดไปทั้งสิ้น 6 แห่งและรถพยาบาล 4 คันถูกทำลาย” กลุ่มช่วยเหลือด้านการแพทย์นานาชาติแห่งนี้ระบุ
“มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเปิดให้บริการใหม่หลังจากนั้น แต่การเข้าถึงบริการฉุกเฉิน บริการช่วยเหลือมารดา บริการกุมารเวช และบริการดูแลสุขภาพเบื้องต้นยังคงยุ่งเหยิงอย่างมาก”
ถ้อยแถลงระบุว่า “ผู้คนหลายหมื่นคนถูกบีบให้ต้องละทิ้งบ้านเรือนหลบหนี” เนื่องจากการโจมตีดังกล่าว
“หลังสงครามดำเนินมากว่า 4 ปี ผมยังคงประหลาดใจมากว่ากฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศถูกทุกฝ่ายในความขัดแย้งนี้เหยียบย่ำอย่างง่ายดายขนาดนี้ได้อย่างไร” ซีลแว็ง กรูลซ์ ผู้อำนวยการของเอ็มเอสเอฟประจำซีเรีย กล่าว
รัสเซียเปิดฉากการโจมตีทางอากาศในซีเรียเมื่อวันที่ 30 กันยายนเพื่อสนับสนุนพันธมิตรเก่าแก่อย่างประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งกองทัพของเขาทำการทิ้งระเบิดใส่ฝ่ายต่อต้านมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งดำเนินปฏิบัติการโจมตีอากาศในประเทศนี้มาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี
ทั้งสองฝ่ายระบุว่าพวกเขากำลังพุ่งเป้าที่กลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ยึดครองพื้นที่กว้างขวางในซีเรียและอิรัก
สงครามซีเรียได้คร่าชีวิตคนไปกว่า 250,00 คนแล้ว นับตั้งแต่มันปะทุขึ้นจากการลุกฮือต่อต้านระบอบอัสซาดในปี 2011 โดยในตอนนี้มันกำลังอยู่ในช่วงปีที่ 5
สงครามนี้ส่งผลให้มีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศแล้วราว 6.5 ล้านคนและอีก 4.2 ล้านลี้ภัยไปยังต่างประเทศ นับเป็นหนึ่งในวิกฤตผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยใหม่