xs
xsm
sm
md
lg

รมต.น้ำมันยูเออีเชื่อ ปีหน้า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะกลับสู่ “ขาขึ้น”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) แสดงความเชื่อมั่นในวันจันทร์ ( 26 ต.ค.) โดยระบุ แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกน่าจะกลับไปอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” ได้อีกครั้งในปี 2016 ที่กำลังจะมาถึง หลังดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดไปแล้วในรอบ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา

ซูฮาอิล บิน โมฮัมเหม็ด อัล-มัซรูอี รัฐมนตรีน้ำมันของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แสดงความเชื่อมั่นต่อทิศทางขาขึ้นในปีหน้า ของราคาน้ำมันในตลาดโลก ระหว่างเดินทางเข้าร่วมการประชุมด้านธุรกิจระหว่างประเทศในนครดูไบ โดยระบุ ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ดิ่งลงสู่ระดับต่ำเตี้ยที่สุดแล้วตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา และถึงเวลาที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะกลับไปอยู่ในขาขึ้นอีกครั้งในปี 2016

รัฐมนตรีน้ำมันของยูเออีเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาเชื่อมั่นว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะกลับไปอยู่ในช่วงขาขึ้นได้อีกครั้งในปีหน้านั้น ส่วนหนึ่งถือเป็นผลพวงมาจากภาวะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น “เร็วกว่า” ที่เคยมีการคาดการณ์กันไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรป หรือญี่ปุ่น ที่ต่างได้ชื่อว่าเป็นผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีน้ำมันแห่งยูเออีเผยว่า ทางกลุ่ม “โอเปก” ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่จะไม่ดำเนินมาตรการใด ๆ เพื่อแทรกแซงกลไกตลาด หากราคาน้ำมันยังไม่กลับสู่ช่วงขาขึ้นในปี 2016 อย่างที่คาดการณ์เอาไว้

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีน้ำมันยูเออียังระบุว่า การกลับเข้าสู่ตลาดน้ำมันอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้ของอิหร่าน หลังการบรรลุข้อตกลงเรื่องโครงการพัฒนานิวเคลียร์กับบรรดาชาติมหาอำนาจ ถือเป็นสิ่งที่กลุ่มโอเปกคาดการณ์เอาไว้แล้ว และว่าทางกลุ่มมีกลไกการบริหารจัดการที่สามารถรับมือกับ น้ำมันจำนวนมากของอิหร่านที่จะถูกส่งออกสู่ตลาดโลกหลังหลุดพ้นจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจ

“อิหร่านก็เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปก และเราเชื่อว่าทุกประเทศย่อมมีเสรีภาพในเรื่องการผลิตน้ำมันตามศักยภาพของตัวเอง แต่ถึงกระนั้น ข้าพเจ้ายังเชื่อมั่นว่า ทางกลุ่มฯ จะสามารถรับมือกับการกลับเข้าสู่ตลาดน้ำมันอีกครั้งของอิหร่านได้ ผ่านทางกลไลต่างๆ ที่เรามีอยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การกำหนดโควต้าหรือเพดานการผลิตน้ำมันนั่นเอง” ซูฮาอิล บิน โมฮัมเหม็ด อัล-มัซรูอี รัฐมนตรีน้ำมันของยูเออี กล่าว

ท่าทีล่าสุดของรัฐมนตรีน้ำมันยูเออีมีขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากที่รัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านอย่างโอมานออกมายอมรับเมื่อ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า ประสบภาวะขาดดุลงบประมาณไปแล้วกว่า 6,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 247,185 ล้านบาท) เฉพาะช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ จากผลพวงของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ตกต่ำ จนส่งผลกระทบช่องทางหารายได้หลักเข้าประเทศ

รายงานข่าวซึ่งอ้างการเปิดเผยรายงานของกระทรวงการคลังโอมานระบุว่า ตัวเลขการขาดดุลงบประมาณของรัฐสุลต่านแห่งนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้พุ่งสูงแตะระดับ 6,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 247,185 ล้านบาท) สวนทางกับช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปี 2014 ที่งบประมาณของประเทศประสบภาวะ “เกินดุล” กว่า 534 ล้านดอลลาร์ (ราว 18,945 ล้านบาท)


รายงานของกระทรวงการคลังโอมานระบุว่า การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในรอบ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา คือ ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ ภาวะการขาดดุลงบประมาณแผ่นดินครั้งมโหฬารนี้


ทั้งนี้ แหล่งข่าวภายในกระทรวงการคลังโอมานเปิดเผยว่า ในความเป็นจริงแล้วทางการโอมานวางแผนจัดทำงบประมาณแผ่นดินในปี 2015 นี้ โดยคำนวณจากพื้นฐานราคาน้ำมันที่เป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศที่ระดับ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงที่ผ่านมากลับลดต่ำลงกว่าระดับที่ทางการโอมานคาดการณ์ไว้ และนี่เป็นที่มาของการขาดดุลงบประมาณครั้งเลวร้ายของรัฐสุลต่านแห่งนี้ที่มียอดขาดดุลเฉียด 7,000 ล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 8 เดือน


ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่า ภาวะดิ่งเหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่ซาอุดีอาระเบีย คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ โอมาน และบาห์เรน คิดเป็นวงเงินรวมกันไม่น้อยกว่า 215,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.62 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 14 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีรวม ของทั้ง 6 ประเทศในปี 2015 นี้

เมื่อไม่นานมานี้ ชีคห์ ซาบาห์ อัล-อาเหม็ด อัล-ซาบาห์ เจ้าผู้ครองรัฐของคูเวต ทรงออกโรงเตือนถึงภาวะราคาน้ำมันที่ยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกว่าเปรียบเสมือน “เงามืด”ที่กำลังย่างกรายเข้าปกคลุมเศรษฐกิจของสมาชิกกลุ่ม “โอเปก” พร้อมแนะว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันแต่เพียงอย่าง เดียวในการหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศ

ชีคห์ ซาบาห์ ในวัย 85 พรรษา ซึ่งทรงก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะ “เจ้าผู้ครองรัฐพระองค์ที่ 5” ของคูเวตตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมปี 2006 ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่คูเวตและประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปก หรือกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันปิโตรเลียมรายใหญ่ของโลกจะต้อง “เลิกพึ่งพา” รายได้จากการขายน้ำมันแต่เพียงอย่างเดียวในการพัฒนาประเทศ และควรเร่งหาทางสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลายสำหรับใช้หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในอนาคต


“การดิ่งลงของราคาน้ำมันไม่ต่างจากเงามืดที่กำลังย่างกราย เข้าปกคลุมเศรษฐกิจและอนาคตของเรา ถึงเวลาแล้วที่สมาชิกโอเปกทั้งหลาย ต้องหาหนทางอื่นในการพัฒนาเศรษฐกิจแทนการ พึ่งพารายได้จากน้ำมัน เราต้องเร่งหาทางปกป้องเศรษฐกิจและสร้างหลักประกันให้กับลูกหลานของเราในอนาคต ในวันที่เราไม่มีน้ำมันเหลืออยู่แล้ว” ชีคห์ ซาบาห์ ตรัส


ท่าทีล่าสุดขององค์เอมีร์แห่งคูเวต มีขึ้นหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี และส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก ระหว่างสมาชิกกลุ่มโอเปกในเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อให้มีน้ำมันออก สู่ตลาดโลกลดน้อยลง และผลักราคาน้ำมันให้ปรับสูงขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลคูเวตที่มีการเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า ในขณะนี้รายได้จากการส่งออกน้ำมันมีสัดส่วนคิดเป็น “เกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพี” ของคูเวต และถือเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการส่งออกทั้งหมดของประเทศ