xs
xsm
sm
md
lg

ราคาน้ำมันดิ่งเหวทำพิษ แค่ 8 เดือนแรกปีนี้ โอมานขาดดุลงบประมาณแล้วมากกว่า 2.4 แสนล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ทางการโอมานเผยในวันอังคาร (20 ต.ค.) ยอมรับ ประสบภาวะขาดดุลงบประมาณไปแล้วกว่า 6,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 247,185 ล้านบาท) เฉพาะช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ จากผลพวงของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ตกต่ำ กระทบช่องทางหารายได้หลักเข้าประเทศ

รายงานข่าวซึ่งอ้างการเปิดเผยรายงานของกระทรวงการคลังโอมานระบุว่า ตัวเลขการขาดดุลงบประมาณของรัฐสุลต่านแห่งนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้พุ่งสูงแตะระดับ 6,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 247,185 ล้านบาท) สวนทางกับช่วงเวลาเดียวกันของเมื่อปี 2014 ที่งบประมาณของประเทศประสบภาวะ “เกินดุล” กว่า 534 ล้านดอลลาร์ (ราว 18,945 ล้านบาท)

รายงานของกระทรวงการคลังโอมานระบุว่า การที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา คือปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ภาวะการขาดดุลงบประมาณแผ่นดินครั้งมโหฬารนี้

ทั้งนี้ แหล่งข่าวภายในกระทรวงการคลังโอมานเปิดเผยว่า ในความเป็นจริงแล้วทางการโอมานวางแผนจัดทำงบประมาณแผ่นดินในปี 2015 นี้ โดยคำนวณจากพื้นฐานราคาน้ำมันที่เป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศที่ระดับ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงที่ผ่านมากลับลดต่ำลงกว่าระดับที่ทางการโอมานคาดการณ์ไว้ และนี่เป็นที่มาของการขาดดุลงบประมาณครั้งเลวร้ายของรัฐสุลต่านแห่งนี้ที่มียอดขาดดุลเฉียด 7,000 ล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 8 เดือน

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่า ภาวะดิ่งเหวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่ซาอุดีอาระเบีย คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ โอมาน และบาห์เรน คิดเป็นวงเงินรวมกันไม่น้อยกว่า 215,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 7.62 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 14 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีรวม ของทั้ง 6 ประเทศในปี 2015 นี้

เมื่อไม่นานมานี้ ชีคห์ ซาบาห์ อัล-อาเหม็ด อัล-ซาบาห์ เจ้าผู้ครองรัฐของคูเวต ทรงออกโรงเตือนถึงภาวะราคาน้ำมันที่ยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกว่า เปรียบเสมือน “เงามืด” ที่กำลังย่างกรายเข้าปกคลุมเศรษฐกิจของสมาชิกกลุ่ม “โอเปก” พร้อมแนะว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันแต่เพียงอย่างเดียวในการหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศ

ชีคห์ ซาบาห์ ในวัย 85 พรรษา ซึ่งทรงก้าวขึ้นครองอำนาจในฐานะ “เจ้าผู้ครองรัฐพระองค์ที่ 5” ของคูเวตตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมปี 2006 ระบุว่า ถึงเวลาแล้วที่คูเวตและประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปก หรือกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันปิโตรเลียมรายใหญ่ของโลกจะต้อง “เลิกพึ่งพา” รายได้จากการขายน้ำมันแต่เพียงอย่างเดียวในการพัฒนาประเทศ และควรเร่งหาทางสร้างแหล่งรายได้ที่หลากหลายสำหรับใช้หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในอนาคต

“การดิ่งลงของราคาน้ำมัน ไม่ต่างจากเงามืดที่กำลังย่างกรายเข้ามาปกคลุมเศรษฐกิจและอนาคตของเรา ถึงเวลาแล้วที่สมาชิกโอเปกทั้งหลายต้องหาหนทางอื่นในการพัฒนาเศรษฐกิจแทนการพึ่งพารายได้จากน้ำมัน เราต้องเร่งหาทางปกป้องเศรษฐกิจ และสร้างหลักประกันให้กับลูกหลานของเราในอนาคต ในวันที่เราไม่มีน้ำมันเหลืออยู่แล้ว” ชีคห์ ซาบาห์ตรัส

ท่าทีล่าสุดขององค์เอมีร์แห่งคูเวต มีขึ้นหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี และส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก ระหว่างสมาชิกกลุ่มโอเปกในเรื่องการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อให้มีน้ำมันออกสู่ตลาดโลกลดน้อยลง และผลักราคาน้ำมันให้ปรับสูงขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดของรัฐบาลคูเวตที่มีการเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า ในขณะนี้รายได้จากการส่งออกน้ำมันมีสัดส่วนคิดเป็น “เกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพี” ของคูเวต และถือเป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากการส่งออกทั้งหมดของประเทศ