xs
xsm
sm
md
lg

“รัสเซีย” โชว์แสนยานุภาพ “กองทัพแบบใหม่” ใน “ซีเรีย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<i>แถวของเครื่องบินไอพ่นสู้รบรัสเซีย ณ ฐานทัพอากาศเฮไมมีม, ซีเรีย  ซึ่งถ่ายไว้เมื่อวันพฤหัสบดี (22 ต.ค.) ที่ผ่านมา  เริ่มตั้งแต่เช้ามืด เครื่องบินไอพ่นสู้รบรัสเซียก็ทะยานขึ้นจากค่ายที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกของซีเรียแห่งนี้ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย </i>
เอพี – เครื่องบินเจ็ตสู้รบรูปร่างคล่องแคล่วเตะตา บรรทุกลูกระเบิดทำลายบังเกอร์อานุภาพร้ายแรงและแม่นเป๊ะ คำรามทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าลำแล้วลำเล่า ขณะที่ทหารสวมเครื่องแบบสำหรับปฏิบัติการในทะเลทรายตบเท้าเดินผ่านแถวอาคารบ้านพักซึ่งดูสะอาดเรียบร้อย ณ ฐานทัพอากาศเฮไมมีม อันเป็นค่ายทหารของรัสเซียซึ่งตั้งอยู่ในสนามบินใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของซีเรีย

การรณรงค์ทางอากาศในซีเรีย ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติการทางทหารครั้งแรกของรัสเซียในอาณาบริเวณที่อยู่นอกดินแดนที่เคยเป็นสหภาพโซเวียตนับตั้งแต่สงครามในอัฟกานิสถานเมื่อหลายสิบปีก่อน กำลังอวดโฉมเผยให้เห็นกองทัพหมีขาวที่ผ่านการปรับปรุงยกเครื่องอย่างขนานใหญ่ จนมีความแตกต่างอย่างชัดเจนทั้งในด้านสมรรถนะและความคิดจิตใจจากกองกำลังอาวุธสไตล์โซเวียตแบบเก่า ๆ

มันเป็นกองทัพที่สามารถเข้าสำแดงอำนาจในอาณาบริเวณห่างไกลจากพรมแดนของรัสเซียได้อย่างรวดเร็ว มีการใช้อากาศยานไร้นักบิน (โดรน) และอาวุธความแม่นยำสูงกันอย่างกว้างขวาง และมีความห่วงใยมุ่งสร้างความสะดวกสบายให้แก่เหล่าทหาร
<i>เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินทำงานตระเตรียมเครื่องบินขับไล่ให้พร้อมสำหรับการออกโจมตี ที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม, ซีเรีย เมื่อวันพฤหัสบดี (22) </i>
เสียงกึกก้องกัมปนาทของสงครามกลางเมืองซีเรีย ไม่สามารถที่จะได้ยิน ณ เฮไมมีม ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดลาตาเกีย ที่อยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเท่าที่ผ่านมายังไม่ค่อยได้รับผลกระทบกระเทือนจากความปั่นป่วนวุ่นวายและการทำลายล้างของการสู้รบในซีเรียซึ่งดำเนินมากว่า 4 ปีครึ่งแล้ว

นักหนังสือพิมพ์กลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งไปเยือนฐานทัพแห่งนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถมองเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ Su-24 จำนวนสิบกว่าลำ ทะยานขึ้นเวหาในยามค่ำคืนด้วยเสียงคำรณคำรามปานหูจะแตก ตัดเฉือนความมืดมิดด้วยเปลวไฟสีม่วงจากเครื่องยนต์ของพวกมัน

เพียงเมื่อไม่กี่ปีก่อน ภารกิจเช่นนี้เป็นสิ่งซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เมื่อในเวลานั้นกองทัพอากาศรัสเซียแทบไม่มีเครื่องบินซึ่งมีสมรรถนะในการโจมตีเป้าหมายในเวลากลางคืน

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งแห่งการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยอย่างรอบด้านของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กองทัพอากาศรัสเซียได้รับเครื่องบินรุ่นใหม่และทันสมัยกว่าเดิมเป็นจำนวนหลายร้อยลำ ทุก ๆ ลำติดตั้งด้วยเครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไฮเทคล้ำยุค เทียบเคียงได้กับเครื่องบินเจ็ตของอเมริกาและองค์การนาโต
<i>ทหารอากาศปฏิบัติงานภาคพื้นดินของรัสเซีย ยืนอยู่ด้านหน้าของเครื่องบินขับไล่เพื่อทำงานตระเตรียมสำหรับภารกิจสู้รบโจมตี ณ ค่ายเฮไมมีม, ซีเรีย วันพฤหัสบดี (22) </i>
“เครื่องบินทุกลำซึ่งอยู่ที่ฐานทัพแห่งนี้ ติดตั้งระบบค้นหาเป้าหมายซึ่งทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายได้อย่างแม่นยำเหมือนจับวาง” โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเวีย พลตรี อีกอร์ โคนาเชนคอฟ ประกาศ

เขาปฏิเสธข้ออ้างของฝ่ายค้านซีเรียที่ว่า การโจมตีทางอากาศของรัสเซียได้เข่นฆ่าพลเรือนไปจำนวนมาก โดยบอกว่าเป็น “คำพูดที่ไร้สาระ” พร้อมกับยืนยันว่าเครื่องบินเหล่านี้โจมตีใส่คลังอาวุธ, บังเกอร์, และเป้าหมายอื่น ๆ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่ที่มีประชาชนพำนักอาศัยแน่นหนา ทางกระทรวงยังได้เผยแพร่คลิปวิดีโอถ่ายจากห้องนักบินเพื่อสนับสนุนการกล่าวอ้างของตน ซึ่งก็เป็นอย่างเดียวกับที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เคยกระทำในช่วงที่ทำสงครามอ่าวเปอร์เซียทั้ง 2 ครั้ง

การโจมตีแบบเน้นความแม่นยำนี้ แตกต่างอย่างมากจากการปฏิบัติการของรัสเซียในการกวาดล้างการก่อกบฎของพวกแบ่งแยกดินแดนทั้ง 2 ระลอกในดินแดนเชชเนีย ซึ่งกองทัพรัสเซียได้ใช้อาวุธที่ล้าสมัยและไร้ความแม่นยำเข้าโจมตีอย่างไม่มีการจำแนก จนทำให้กรุงกรอซนืย เมืองเอกของเชชเนีย กลายเป็นซากปรักหักพังไปเลย
<i>เด็กๆ ในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งที่จังหวัดลาตาเกีย, ซีเรีย </i>
<i>ภาพซึ่งถ่ายในวันศุกร์ (23) แสดงให้เห็นผู้ลี้ภัยในค่ายที่จังหวัดลาตาเกีย, ซีเรีย  ลาตาเกียถือเป็นดินแดนหัวใจของชนกลุ่มน้อยอาวาวิต ของประธานาธิบดีบาชา อัล-อัสซาด จึงกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับกองทหารรัสเซียซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม </i>
ลาตาเกีย ซึ่งเป็นดินแดนหัวใจของชาวอาลาวิต ชนกลุ่มน้อยของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้ปกครองซีเรีย ถือเป็นอาณาบริเวณที่ให้ความปลอดภัยอย่างสูงแก่กองทหารรัสเซียในประเทศนี้ ทหารแดนหมีขาวยังได้รับการต้อนรับอย่างดีจากประชาชนท้องถิ่นผู้ซึ่งพากันบีบแตรรถและตะโกนกล่าว “ขอบคุณ” เป็นภาษารัสเซีย

ณ ค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในจังหวัดลาตาเกีย ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของผู้อพยพหลายพันหลายหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นชาวอาลาวิตจากจังหวัดอื่น ๆ ในซีเรีย เด็ก ๆ หน้าตายิ้มแย้มพากันตะโกนว่า “ขอบคุณ ปูติน”

ด้วยการต้อนรับอย่างยินดีจากชาวบ้านท้องถิ่น และระยะทางอันห่างไกลจากแนวหน้า ทหารรัสเซียที่ฐานทัพแห่งนี้จึงดูสงบเยือกเย็นและผ่อนคลายไม่เคร่งเครียด

กระนั้นก็ยังมีสารวัตรทหารชาวรัสเซียประจำอยู่ตามจุดตรวจต่าง ๆ คู่กับกองกำลังความมั่นคงฝ่ายซีเรีย คอยตรวจตรายานพาหนะที่แล่นผ่านเข้ามาอย่างละเอียดถี่ถ้วน มีหน่วยทหารรบพิเศษคอยอารักขาสถานที่สำคัญๆ และเฮลิคอปเตอร์กันชิปแบบ Mi-24 ขึ้นบินตรวจการณ์รอบๆ ฐานทัพแห่งนี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าระวังค้นหากิจกรรมอันน่าสงสัย ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ปันต์ซีร์ ถูกติดตั้งอยู่ตามริมขอบของสนามบิน เพื่อความสมบูรณ์พร้อมของการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
<i>อีกภาพหนึ่งที่ถ่ายในวันพฤหัสบดี (22) แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินตระเตรียมเครื่องบินขับไล่ให้พร้อมออกปฏิบัติภารกิจ </i>
เห็นได้ชัดว่าทหารที่ค่ายแห่งนี้มีความภาคภูมิใจในเครื่องแบบชุดใหม่สะอาดเอี่ยมของพวกตน และรู้สึกสบายในร้องเท้าบู๊ตสูงสีทราย ซึ่งตัดแย้งกันอย่างรุนแรงกับชุดเครื่องแบบทหารสไตล์โซเวียตสีทึม ๆ มอ ๆ ที่พวกเขาสวมใส่อยู่จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เอง

ทหารอากาศส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่สนับสนุน ซึ่งกำลังติดตั้งลูกระเบิดและขีปนาวุธที่บริเวณใต้ปีกเครื่องบิน ต่างใส่กางเกงขาสั้นและรองเท้ากีฬาสีขาวเพื่อให้เกิดความสบาย ภายใต้อุณหภูมิอันร้อนฉ่าเฉียด ๆ 30 องศาเซลเซียสของที่นี่ ซึ่งห่างไกลจากสภาพอากาศของรัสเซียเป็นอย่างยิ่ง

ในวันปกติ เครื่องบินไอพ่นทหารแต่ละลำ ออกบินปฏิบัติการกันหลายเที่ยวทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน

โคนาเชนคอฟ ลดทอนน้ำหนักเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯที่ว่า รัสเซียกำลังพุ่งเป้าหมายเล่นงานกลุ่มกบฏสายกลางที่กำลังสู้รบกับอัสซาด แทนที่จะโฟกัสไปยังนักรบหัวรุนแรงของ “รัฐอิสลาม” (ไอเอส) ซึ่งเป็นกลุ่มที่วังเครมลินประกาศว่าเป็นเป้าหมายหลักที่จะต้องเล่นงาน โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียผู้นี้โต้แย้งว่า ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยว่ากลุ่มหัวรุนแรงซึ่งมีเป็นจำนวนมากมายเหลือเกิน กลุ่มไหนคือเจ้าของโรงเรือนที่กำลังทำเข็มขัดระเบิดสำหรับพวกมือระเบิดฆ่าตาย หรือกำลังจัดเตรียมรถบรรทุกด้วยวัตถุระเบิดสำหรับภารกิจโจมตีแบบฆ่าตัวตาย แต่พวกนี้แหละคือเป้าหมายของเครื่องบินรบรัสเซีย
<i>ในภาพที่ถ่ายเมื่อวันพฤหัสบดี (22) ทหารพ่อครัวของรัสเซียตระเตรียมปรุงอาหาร ที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม, ซีเรีย  สภาพครัวของกองทัพรัสเซียยุคใหม่ดูสะอาดสะอ้านแตกต่างจากสไตล์โซเวียต </i>
สภาพแหวกประเพณีทางทหารรัสเซียแบบเก่า ๆ อีกด้านหนึ่งของที่นี่ ก็คือ พวกผู้วางแผนจัดตั้งค่ายเฮไมมีมขึ้นมา มีความใส่ใจในเรื่องสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของทหาร ตรงกันข้ามกับสไตล์โซเวียตที่ไม่แยแสเรื่องความสะดวกสบายของทหารเอาเลย

แถวของหน่วยพักอาศัยที่ดูสะอาดสะอ้าน แต่ละหน่วยบรรจุผู้เข้าพัก 2 ถึง 8 คนตามชั้นยศและตำแหน่ง ล้วนแล้วแต่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นขาดไม่ได้ในสภาพอากาศที่ร้อนจัดจนผิวไหม้เกรียมเช่นนี้ นอกจากนั้นยังมีห้องอาบน้ำจำนวนมากให้ใช้ได้อย่างเหลือเฟือ

ครัวสนามและโรงอาหารก็ดูสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้ ซึ่งสามารถช็อกใครก็ตามที่คุ้นเคยกับวิถีทางอันหยาบกร้านของกองทัพรัสเซียยุคเดิม
<i>ภาพที่ถ่ายในวันศุกร์ (23) แสดงให้เห็นทหารรัสเซียทำงานที่โรงบำบัดน้ำเสีย ในค่ายเฮไมมีม, ซีเรีย </i>
<i>พันโท อเล็กซานเดอร์ เยฟโดคิมอฟ แห่งกองทัพบกรัสเซีย ยืนอยู่ใกล้ๆ โรงบำบัดน้ำเสียที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม, ซีเรีย ซึ่งเขาภูมิใจอวดว่าสามารถกรองน้ำก๊อกซีเรียจนได้มาตรฐานน้ำสะอาดระดับสูงสุด </i>
ณ หน่วยบำบัดน้ำเสียของทางค่าย พันโท อเล็กซานเดอร์ เยฟโดคิมอฟ พูดอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับระบบกรองน้ำหลายชั้น ซึ่งสามารถกรองน้ำก๊อกของซีเรียจนบริสุทธิ์อยู่ในขั้นมาตรฐานน้ำดื่มสะอาดสูงสุด และป้องกันภัยคุกคามใดๆ จากการปนเปื้อนทางเคมีและทางชีวภาพ

“ขอให้ลองดื่มกันดูนะครับ รสชาติดีจริง ๆ” เขาบอกกับคณะผู้สื่อข่าว

ฐานทัพแห่งนี้ยังอบขนมปังด้วยตนเอง และทหารพ่อครัวก็ปรุงอาหารที่ไม่ได้หรูหราทว่ามีรสชาติความเป็นรัสเซียให้เหล่าทหารได้รับประทาน ในร้านค้าทหารมีวางขายทั้งของที่ระลึก, เครื่องสำอาง, และเสื้อผ้า ขณะที่พนักงานต้อนรับหน้าตายิ้มแย้มในคอฟฟี่ช็อปข้าง ๆ ขายขนมหวาน, คุกกี้ และไอศกรีมที่ส่งมาจากรัสเซีย

โคนาเชนคอฟ ผู้ผ่านศึกมาโชกโชนทั้งสงครามในเชชเนียและการสู้รบคราวอื่น ๆ ในยุคหลังโซเวียต มีความกระตือรือร้นที่จะชี้ให้เห็นความก้าวหน้าด้านต่าง ๆ ของกองทัพรัสเซีย

“จำเชชเนียได้ไหม ที่นั่นทุก ๆ อย่างมีฝุ่นจับหนาทั้งนั้น” เขาบอก พร้อมกับชี้ไปยังพื้นดินที่ได้รับการแผ้วถางตกแต่งใหม่เอี่ยมของค่าย ซึ่งช่วยทำให้ทั้งเครื่องแบบและที่พักอาศัยสะอาดสะอ้านอยู่ได้
<i>เครื่องบินรบของรัสเซียทะยานขึ้นจากฐานทัพอากาศเฮไมมีม, ซีเรีย เพื่อปฏิบัติภารกิจสู้รบ เมื่อวันพฤหัสบดี (22) </i>
พวกนายทหารที่ฐานทัพแห่งนี้ บอกว่า การจัดวางอาคารสถานที่และการส่งกำลังบำรุงซึ่งคำนึงถึงความสะดวกสบายของทหารเช่นนี้ สะท้อนถึงการเข้ามาดูแลด้วยตนเองของรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียคนปัจจุบัน เซียร์เกย์ ชอยกู ผู้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางจากทหารในกองทัพ แตกต่างจาก อนาโตลี เซียร์ดูย์คอฟ รัฐมนตรีคนก่อนหน้า

เซียร์ดูย์คอฟ ซึ่งได้รับคำสั่งจากปูตินให้ดำเนินการปรับปรุงกองทัพที่เทอะทะและขาดงบประมาณ ภายหลังสงครามรัสเซีย - จอร์เจีย ในปี 2008 ได้ดำเนินการตัดลดจำนวนนายทหารและสร้างความเปลี่ยนแปลงอันรุนแรงประการอื่นๆ อย่างสร้างความเจ็บปวดไปทั่ว ทว่าลงท้ายแล้วก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งท่ามกลางความขุ่นเคืองไม่พอใจของเหล่าทหาร

แต่กองทัพยินดีต้อนรับเมื่อมีการแต่งตั้ง ชอยกู ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเหตุฉุกเฉินของรัสเซียเป็นเวลา 2 ทศวรรษ และได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่รัสเซียไม่กี่คนซึ่งสามารถขับดันให้งานต่าง ๆ สำเร็จลุล่วงไปได้จริง ๆ

ถึงแม้เป็นผู้ที่เข้าสู่กลุ่มวงในของปูตินในช่วงหลัง ๆ นี้เอง แต่ ชอยกู ก็ได้พัฒนาความผูกพันแบบส่วนตัวกับประธานาธิบดี พวกเขาไปตกปลาด้วยกัน และเวลานี้รัฐมนตรีกลาโหมผู้นี้ก็ดูกลายเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนซึ่งปูตินให้ความไว้วางใจเป็นพิเศษ

งบประมาณใช้จ่ายของกองทัพเพิ่มขึ้นมาเมื่อกระทรวงกลาโหมอยู่ในการนำของชอยกู จนมีเงินทองซื้อหาเครื่องบินและขีปนาวุธใหม่ ๆ เป็นร้อย ๆ และมีการอุดหนุนโครงการพัฒนาอาวุธใหม่ ๆ อย่างอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง

กองทัพยังมีการฝึกซ้อมรบขนาดใหญ่โตต่อเนื่องกันหลายครั้ง ซึ่งมีทหารเข้าร่วมเรือนแสน และมีเครื่องบินหลายร้อยลำขึ้นบินไปทั่วอาณาบริเวณอันกว้างขวางตั้งแต่แถบทะเลบอลติกไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิก และจากทะเลแคสเปียนไปจรดทวีปอาร์กติก

การฝึกซ้อมเหล่านี้ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า เมื่อตอนที่ปูตินเคลื่อนไหวผนวกแหลมไครเมียจากยูเครนในเดือนมีนาคม 2014 ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ระลอกของเครื่องบินขนส่งรัสเซียก็ลำเลียงทหารหน่วยรบพิเศษขึ้นเครื่องบินไปลงที่ไครเมีย และสามารถเข้าสกัดขัดขวางทหารยูเครนให้อยู่แต่ภายในค่ายของพวกเขาได้อย่างรวดเร็วชนิดที่ไม่มีการยิงปืนแม้แต่นัดเดียว การปฏิบัติการด้วยความฉับไวเช่นนี้ทำให้ฝ่ายตะวันตกพากันตะลึงงัน
<i>เครื่องบินรัสเซียร่อนลงที่ฐานทัพอากาศเฮไมมีม, ซีเรีย เมื่อวันพฤหัสบดี (22) </i>
ไม่เหมือนในอดีตที่ผ่านมา เมื่อกองทัพในยุคหลังโซเวียตอยู่ในสภาพล่มสลาย บีบบังคับให้วังเครมลินต้องพึ่งพาอาศัยอาวุธนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เวลานี้กองทัพหมีขาวมีความมั่นใจมากขึ้นทุกทีในกำลังรบตามแบบแผนของตน

การส่งกองทหารเคลื่อนที่เร็วขนาดใหญ่พอดูออกไปประจำการในต่างแดนห่างไกลด้วยความฉับไวโดยเคลื่อนกำลังทั้งทางทะเลและทางอากาศ, การรณรงค์ทำศึกทางอากาศ ซึ่งมีการส่งเครื่องบินเจ๊ตหลายสิบลำออกทิ้งระเบิดเป้าหมายต่าง ๆ อย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และการยิงจรวดร่อนพิสัยไกลจากทะเลแคสเปียน เหล่านี้ล้วนเป็นการมุ่งส่งข้อความที่ชัดเจนประการหนึ่ง นั่นคือ กองทัพรัสเซียนั้นสามารถแข่งขันกับกองทัพอเมริกันได้ในเรื่องสมรรถนะทางการปฏิบัติการ

ปูติน ชี้เอาไว้แล้วว่า การยิงจรวดร่อนจำนวน 26 ลูก จากเรือรบรัสเซียในทะเลแคสเปียน ไปยังเป้าหมายต่างๆ ในซีเรียซึ่งอยู่ห่างออกไป 1,500 กิโลเมตรนั้น เป็นการส่งสัญญาณไปถึงสหรัฐฯว่า รัสเซียก็สามารถเปิดการโจมตีทำนองนี้ได้เช่นกัน

โคนาเชนโก โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ลดทอนน้ำหนักข้ออ้างของเพนตากอนที่ว่า มีจรวดร่อน 4 ลูกตกลงในอิหร่าน

“เป้าหมายเหล่านั้นทั้งหมด (ในซีเรีย) คงต้องเกิดระเบิดขึ้นมาเองแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้น!” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเย้ยหยัน และยืนยันว่าจรวดร่อนทุกลูกของรัสเซียโจมตีถูกเป้าหมาย

กำลังโหลดความคิดเห็น