รอยเตอร์ - กองกำลังสหรัฐฯ เริ่มปฏิบัติการหย่อนทางอากาศเครื่องกระสุนอาวุธขนาดเล็กแก่ฝ่ายกบฏ ทางเหนือของซีเรียตั้งแต่วันอาทิตย์ (11 ต.ค.) หรือราว 2 สัปดาห์ หลังจากรัสเซียเสี่ยงเดิมพันเข้าแทรกแซงสงครามโดยเลือกข้างประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามเผยในวันจันทร์ (12 ต.ค.) ว่าการทิ้งเสบียงอาวุธทางอากาศแก่กองกำลังฝ่ายค้านได้เริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ (12 ต.ค.) ส่วนหนึ่งในแผนยกเครื่องทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่แถลงออกมาช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อช่วยพวกกบฏซีเรียสู้รบกับนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส)
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯแถลงว่าได้ล้มเลิกโครงการฝึกฝนและจัดหายุทโธกรณ์แก่กบฏสายกลางที่ต่อต้านประธานาธิบดีอัสซาด หลังความล้มเหลวของโครงการดังกล่าวที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางปี กระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อยุทธศาสตร์ทำสงครามของประธานาธิบดีบารัค โอบามา
เจ้าหน้าที่กลาโหมระดับของสหรัฐฯรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์โดยไม่ประสงค์เอ่ยนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุว่าโครงการใหม่จะมีการฝึกฝนเหล่าแกนนำกบฏซีเรียโดยตรง สวนทางกับเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่จะให้การฝึกฝนโดยรวมแก่หน่วยทหาราบของพวกเขาทั้งหมด นอกจากนี้แล้วการสนับสนุนของสหรัฐฯจะพุ่งเป้าไปในด้านอาวุธ อุปกรณ์สื่อสารและกระสุน โดยโครงการยกเครื่องใหม่นี้จะเริ่มต้นขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ในบรรดากลุ่มต่างๆ ที่ร่วมมือกับปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐฯ มีเพียงกลุ่มเดียวที่ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับไอเอสนั่นก็คือนักรบเคิร์ด YPG ซึ่งสร้างเขตปกครองตนเองทางภาคเหนือของซีเรียและรุกคืบเข้าสู่จังหวัดรักกา อันเป็นฐานที่มั่นของไอเอส
เมื่อวันจันทร์ (12 ต.ค.) พวก YPG แถลงเป็นพันธมิตรใหม่กับเหล่านักรบอาหรับกลุ่มเล็กๆ ซึ่งอาจปัดเป่าเสียงวิจารณ์ว่าพวกเขาสู้เพียงแต่ในนามของชาวเคิร์ดเท่านั้น ส่วนวอชิงตันก็บ่งชี้ว่าอาจให้การสนับสนุนด้านทุนและอาวุธแก่เหล่าผู้บัญชาการนักรบอาหรับทางภาคพื้นที่ให้ความร่วมมือกับ YPG
ขณะเดียวกัน พวกกบฏอาหรับซีเรียเผยว่า ได้รับแจ้งจากวอชิงตันกำลังลำเลียงอาวุธใหม่มาส่งมอบช่วยเหลือพวกเขาที่เตรียมปฏิบัติการจู่โจมเมืองรักกา เมืองหลวงโดยพฤตินัยของไอเอส ภายใต้ความร่วมมือจากพันธมิตรนักรบเคิร์ด
การเข้าแทรกแซงในซีเรียของรัสเซีย ทำให้รัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหัฐฯ ที่พยายามกำราบไอเอสและยังคงเรียกร้องนายอัสซาดสละอำนาจ ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก
ทว่า ในส่วนของรัสเซียเองนั้นความพยาามเอาชนะฝ่ายเห็นต่างเกี่ยวกับเข้าร่วมสงคราม 4 ปีในซีเรีย ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก็ถูกปฏิเสธจากชาติยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคเมื่อวันจันทร์ (12 ต.ค.) โดยซาอุดีอาระเบียเตือนผู้นำเครมลินต่อผลลัพธ์ที่เป็นอันตราย
ปูตินพบปะกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน รองมกุฎราชกุมารและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย รอบนอกการแข่งขันรถสูตร 1 ที่โซชิ เมืองตากอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (11 ต.ค.) และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมตนตรีต่างประเทศรัสเซียเผยในวันจันทร์ (12 ต.ค.) การหารือดังกล่าว ประกอบกับการพูดคุยกับสหรัฐฯ ได้ผลลัทธ์ที่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับวิกฤตความขัดแย้ง แม้มอสโก วอชิงตันและริยาด ไม่ได้เห็นตรงกันทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวซาอุดีอาระเบียเผยว่าเจ้าชายซัลมาน บอกกับปูตินว่าการแทรกแซงของรัสเซียรังแต่จะขยายสงครามและกระตุ้นให้พวกนักรบจากทั่วโลกหลั่งไหลไปสู้รบที่นั่น พร้อมยืนยันว่าริยาดจะยังคงให้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามนายอัสซาดและเรียกร้องให้เขาลงจากอำนาจเช่นเดิม
มอสโกบอกว่าเล็งเป้าหมายถล่มเพียงกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ในซีเรีย โดยเฉพาะพวกไอเอส พร้อมอ้างว่าเป้าหมายส่วนใหญ่ที่พวกเขาโจมตีนั้นล้วนเป็นของไอเอส อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์บอกว่าเหตุโจมีตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ซึ่งยึดครองโดยกลุ่มต่อต้านประธานาธิบดีดอัสซาด ในนั้นจำนวนมากได้รับการสนับสนุนจากชาติอาหรับ ตุรกีและตะวันตก
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เครื่องบินรบรัสเซียปฏิบัติภารกิจสู้รบในน่านฟ้าเดียวกับสหรัฐฯ ทั้งสองบอกว่ามีศัตรูเดียวกัน นั่นคือพวกไอเอส อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ และรัสเซียมีเพื่อนอยู่คนละฝ่าย และมีมุมมองต่างกันโดยสิ้นเชิงต่อแนวทางการยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปีในซีเรีย ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 250,000 ศพและทำให้ประชาชนมากกว่า 10 ล้านคนต้องอพยพหลบหนีถิ่นฐาน
วอชิงตันและพันธมิตรต่อต้านทั้งรัฐอิสลามและนายอัสซาด โดยเชื่อว่าเขาต้องลงจากอำนาจถึงจะปราบไอเอสสำเร็จ แต่มอสโกสนับสนุนประธานาธิบดีรายนี้และเชื่อว่ารัฐบาลของเขาควรเป็นศูนย์กลางของนานาชาติในการสู้รบกับกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ