เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - แบงก์ชาติแดนหมีขาวเผยในวันพุธ (21 ต.ค.) โดยระบุว่ายอดหนี้สินต่างประเทศของรัสเซียมีจำนวนลดลงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ในรอบปีที่ผ่านมา ถึงแม้รัสเซียจะต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรนานัปการจากสหรัฐอเมริกา และโลกตะวันตกจากผลพวงของวิกฤตในยูเครน
รายงานข่าวซึ่งอ้างถ้อยแถลงของเอลวิรา นาบิอุลลินา ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซีย (บีโออาร์) ระบุว่า ระดับหนี้สินต่างประเทศของรัสเซียในปีนี้ ลดลงจากเมื่อปี 2014 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจของประเทศ ถึงแม้รัสเซียจะต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรนานัปการทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ตลอดจนการคว่ำบาตรในภาคธนาคาร จากสหรัฐอเมริกา และประเทศตะวันตก จากผลพวงของวิกฤตยูเครน
ที่ผ่านมารัสเซียถูกคว่ำบาตรจากโลกตะวันตก หลังถูกกล่าวหาว่าทำการผนวกดินแดน “ไครเมีย” จากยูเครนแบบขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ แม้การผนวกดินแดนดังกล่าวจะสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในไครเมีย และยังถูกกล่าวหาว่าให้การหนุนหลังกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งมีประชากรส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซีย และมีเชื้อสายรัสเซีย
“แม้เราจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความท้าทาย และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการคว่ำบาตร แต่ยอดหนี้สินต่างประเทศของเรายังคงลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบ 1 ใน 3 ของหนี้สินต่างประเทศที่เรามี นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2014 เป็นต้นมา” ผู้ว่าการธนาคารกลางรัสเซียกล่าว พร้อมย้ำว่าภาคธนาคารของรัสเซียจะยังคงมีเสถียรภาพต่อไปในปี 2016 และพร้อมออกสินเชื่อเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาวะสภาพคล่องของภาคธนาคารที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมา หลายประเทศในยุโรปเริ่มแสดงจุดยืนคัดค้านมากขึ้นต่อการยอมเดินตามรอยเท้าของสหรัฐอเมริกาเพื่อคว่ำบาตรรัสเซีย เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าเศรษฐกิจของยุโรปส่อเค้าจะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง หากดึงดันจะคว่ำบาตรรัสเซีย ที่ถือเป็น “คู่ค้ารายใหญ่” ที่รับซื้อสินค้านานาชนิดจากยุโรปไม่น้อยกว่า 120,000 ล้านยูโรในแต่ละปี และยังเป็น “แหล่งพลังงานหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจยุโรป”
ก่อนหน้านี้ สื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังของเยอรมนีอย่าง “บิลด์” เคยออกรายงานเชิงวิเคราะห์ว่า ในปีที่ผ่านมามีบริษัทสัญชาติเยอรมันกว่า 6,200 แห่ง ที่มีผลประโยชน์อยู่ในรัสเซีย และการคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้บริษัทเอกชนเหล่านี้ของเยอรมนีเสียหายย่อยยับไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านยูโร ยังไม่รวมถึงตำแหน่งงานอีกราว 300,000 ตำแหน่งที่ต้องถูกเลิกจ้าง หากการค้าขายกับรัสเซียถูกปิดกั้น