เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้ (16) อูมา อาเบดิน (Huma Abedin) ผู้ช่วยอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ขึ้นให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการชุดพิเศษคดีเบงกาซีของสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯนานไม่ต่ำกว่า 6 ชม.ในการไต่สวนลับ
NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานในวันศุกร์(16) อูมา อาเบดิน (Huma Abedin) รองประธานหาเสียงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2016 ของฮิลลารี คลินตัน และอดีตผู้ช่วยของคลินตันในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เข้าให้ปากคำการไต่สวนลับเป็นเวลา 6 ชม. กับคณะกรรมาธิการชุดพิเศษสอบสวนคดีเบงกาซีที่ทำให้พลเมืองสหรัฐฯเสียชีวิต 4 ราย ซึ่งมีเอกอัคราชทูตสหรัฐฯรวมอยู่ในนั้น
สื่อสหรัฐฯรายงานว่า หลัวจากเสร็จสิ้นการเข้าให้ปากคำ ผู้ช่วยคลินตันได้ให้สัมภาษณ์กับกองทัพนักข่าวเพียงเล็กน้อยก่อนจะออกเดินทางจากแคปิตอล ฮิลไป เธอได้ขอบคุณคณะกรรมาธิการชุดพิเศษ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน และยังกล่าวว่า เธอรู้สึกภาคภูมิใจที่มีโอกาสรับใช้สหรัฐฯในกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ
“ดิฉันตอบทุกคำถามของคณะกรรมาธิการชุดนี้ในทุกอย่างที่รับรู้” อาเบดินแถลง
ที่ผ่านมา คลินตันและพันธมิตรต่างตั้งข้อสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวจุดชนวนเบงกาซีเป็นความมุ่งหวังทางการเมือง หลังจากที่ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เควิน แม็คคาร์ธี (Kevin McCarthy) พยายามใช้คดีเบงกาซีเพื่อทำให้คะแนนความนิยมของเธอตกลง
“เป็นเสมือนเครื่องมือทางการเมือง เหมือนอย่างที่แม็คคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างมากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯยอมรับว่า ต้องการทำให้คะแนนนิยมของดิฉันตก” คลินตันให้ความเห็นในเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในวันอังคาร(13)ที่มีการจัดการดีเบตรอบแรกของพรรคเดโมแครตในเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาดา
ด้านนิก เมอร์ริล (Nick Merrill) โฆษกประจำตัวคลินตันกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเหตุใดคณะกรรมาธิการผู้แทนราษฎรสหรัฐฯต้องเรียกอาเบดินขึ้นให้ปากคำในคดีนี้ เพราะเมอร์ริลชี้ว่า อาเบดินรู้เรื่องเกี่ยวกับคดีนี้น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯชี้ว่า คณะกรรมาธิการชุดพิเศษได้ตรวจสอบอีเมลการติดต่อระหว่างคลินตันและอาเบดิน และรวมไปถึงบทบาทของเธอในช่วงระหว่างที่อาเบดินได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหัวหน้าคณะทำงานของคลินตันในกระทรวงต่างประเทศในช่วงระเหว่างเกิดเหตุเบงกาซีเมื่อกันยายน 2012 มากกว่าข้อมูลการขึ้นให้ปากคำของเธอ
แต่ทว่าตรงกันข้ามกับผู้ช่วยของคลินตัน ฮิลลารี คลินตัน มีกำหนดขึ้นให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(21)ในการประชุมแบบเปิดสาธารณะ
