รอยเตอร์ - รัสเซียเดินหน้าถล่มซีเรียเป็นวันที่ 3 ในวันศุกร์ (2 ต.ค.) แต่เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ยึดครองโดยฝายกบฏ ศัตรูของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แทนที่จะเป็นนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ตามที่กล่าวอ้าง เรียกปฏิกิริยาขุ่นเคืองหนักขึ้นจากตะวันตกและกระพือเสียงเรียกร้องจากสหรัฐฯ ที่ขอให้ยุติโจมตีเป้าหมายอื่นๆ ที่ไม่ใช่ไอเอส
พันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกำลังปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกำราบไอเอสในซีเรียเช่นกัน เรียกร้องรัสเซียระงับการถล่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ไม่ใช่พวกหัวรุนแรงกลุ่มนี้ “เราเรียกร้องรัสเซียระงับการโจมตีฝ่ายค้านซีเรียและพลเมืองในทันที และขอให้พุ่งเป้าไปที่ความพยายามต่อสู้กับไอเอส” ถ้อยถ้อยแถลงพันธมิตรที่ประกอบด้วยสหรัฐฯ ชาติมหาอำนาจหลักๆ ของยุโรป กลุ่มประเทศอาหรับและตุรกี
คำแถลงระบุต่อว่า “เราแสดงความกังวลใหญ่หลวงในเรื่องที่รัสเซียเสริมกำลังพลในซีเรีย และโดยเฉพาะต่อการโจมตีของกองทัพอากาศรัสเซียในเมืองฮามา ฮอมส์ และอิดลิบ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (วันพฤหัสบดี) ซึ่งทำให้พลเมืองต้องสูญเสียชีวิตและไม่ได้มีเป้าหมายที่พวกไอเอส”
วอชิงตัน เหล่าชาติตะวันตกและพันธมิตรอาหรับ กล่าวหารัสเซียกำลังใช้การทำสงครามร่วมต่อต้านไอเอสเป็นข้ออ้างในการโจมตีกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากพวกเขา เพื่อปกป้องรัฐบาลของนายอัสซาด ที่เป็นพันธมิตรของมอสโกมาตั้งแต่สมัยสงครามเย็น โดยบางกลุ่มที่ถูกโจมตีนั้นได้รับการฝึกฝนและสนับสนุนทางอาวุธจากศัตรูต่างชาติของนายอัสซาด ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ
ในวันศุกร์ (2 ต.ค.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย พูดคุยอย่างเย็นชากับนายฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปารีส นับเป็นครั้งแรกที่ปูติน พบปะกับผู้นำตะวันตก ตั้งแต่มอสโกเริ่มดำเนินปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อซีเรียวันพุธ (30 ก.ย.) หลังจากเขาใช้เวทีประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ กล่าวสุนทรพจน์สนับสนุนนายอัสซาด
มอสโกบอกว่า ในวันศุกร์ (2 ต.ค.) พวกเขาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายรัฐอิสลาม 12 จุด แต่รอยตอร์ระบุว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ที่รัสเซียกล่าวอ้าง อยู่ทางตะวันตกและทางภาคเหนือของประเทศ ขณะที่พวกไอเอสนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ทางภาคตะวันออก
กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่าเครื่องบินรบ ซูคอย-34 ซูคอย-24M และซูคอย-25 ถล่มเป้าหมายต่างๆ ในนั้นรวมถึงป้อมบัญชาการและศูนย์ติดต่อสื่อสารในจังหวัดอเลปโป ค่ายสนามของพวกนักรบในอิดลิบและป้อมบัญชาการอีกแห่งในฮามา ทว่ากลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย ซึ่งมีสำนักงานในอังกฤษ บอกว่าไม่มีไอเอสอยู่ในพื้นที่เหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มสังเกตการณ์เพื่อสิทธิมนุษยชนซีเรีย เผยว่า รัสเซียได้โจมตีพื้นที่ของไอเอสบ้างเช่นกัน โดยมีนักรบไอเอส 12 คนถูกปลิดชีพใกล้เมืองรักกาในวันพฤหัสบดี (1 ต.ค.) และเครื่องบินรบทีเชื่อว่าเป็นของรัสเซีย ได้ถล่มเมือง Qarytayn ที่ยึดครองโดยพวกไอเอส
ตะวันตกและรัสเซียบอกว่าพวกเขามีศัตรูเดียวกัน นั่นคือพวกไอเอส กลุ่มนักรบมุสลิมสุหนี่ซึ่งประกาศสถาปนา “รัฐกาหลิบ” ทั่วพื้นที่ทางตะวันออกของซีเรีย และทางเหนือของอิรักที่พวกเขายึดครอง แต่สหรัฐฯ และรัสเซียมีเพื่อนอยู่คนละฝ่าย และมีมุมมองต่างกันโดยสิ้นเชิงต่อแนวทางการยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปีในซีเรีย ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 250,000 ศพและทำให้ประชาชนมากกว่า 10 ล้านคนต้องอพยพหลบหนีถิ่นฐาน
วอชิงตันและพันธมิตรต่อต้านทั้งรัฐอิสลามและนายอัสซาด โดยกล่าวโทษว่าเขาเข่นฆ่าพลเรือนที่ต่อต้านเขา และเชื่อว่าเขาต้องลงจากอำนาจถึงจะปราบไอเอสสำเร็จและย้ำว่าไม่มีที่ยืนแก่ผู้นำรายนี้หลังสงครามยุติ แต่ทางมอสโกสนับสนุนนายอัสซาดและเชื่อว่ารัฐบาลของเขาควรเป็นศูนย์กลางของนานาชาติในการสู้รบกับกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ
การโจมตีของรัสเซียยังเป็นตัวแทนความเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ต้องการขยายอิทธิพลไปไกลกว่าละแวกใกล้เคียง ขณะที่มันถือการเข้าสู้รบทางทหารในยุทธบริเวณที่อยู่ห่างไกลเป็นครั้งแรกของรัสเซีย นับตั้งแต่ครั้งสหภาพโซเวียตเข้ารุกรานยึดครองอัฟกานิสถานเมื่อปี 1979
ขณะเดียวกัน การโจมตีดังกล่าวยังมีขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตะวันตกที่ดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด หนึ่งปีหลังจากสหรัฐฯ และอียูกำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินต่อมอสโก จากกรณีผนวกไครเมียของยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน