เอเจนซีส์ - ลี กาชิง อภิมหาเศรษฐีฮ่องกง ออกโรงปกป้องยุทธศาสตร์ธุรกิจของตน หลังจากถูกสื่อของทางการปักกิ่งกล่าวหาว่า เนรคุณทอดทิ้งประเทศเมื่อเศรษฐกิจแดนมังกรไม่ร้อนแรงเหมือนเดิม โดยเจ้าสัวใหญ่ผู้นี้ยืนยันว่า ไม่มีแผนถอนตัวจากแผ่นดินใหญ่ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินหน้าปรับปรุงธรรมาภิบาลและปฏิรูปเศรษฐกิจจีนต่อไป
ในความเคลื่อนไหวซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก เจ้าสัวใหญ่ผู้นี้ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่ง เพื่อตอบโต้เสียงวิจารณ์อึงมี่ตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการที่เขาขายสินทรัพย์ตามแผนปรับโครงสร้างอาณาจักรธุรกิจทั่วโลก เพื่อมุ่งเน้นยุโรปมากขึ้น และลดการลงทุนในจีน
สื่อของรัฐบาลจีนวิจารณ์สนั่นหวั่นไหวตั้งแต่เดือนที่แล้วว่า ลีไร้ศีลธรรมและเนรคุณ เนื่องจากเคยทำกำไรได้มากมายมหาศาลในยามเศรษฐกิจจีนเฟื่องฟู แต่เมื่อเศรษฐกิจซบเซากลับทอดทิ้งไปไม่ใยดี
ลีนั้นเริ่มปรับโครงสร้างกิจการครั้งใหญ่ในปีนี้ เพื่อจัดการผลประโยชน์ธุรกิจที่หลากหลายตั้งแต่ท่าเรือไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ การปรับโครงสร้างนี้รวมถึงการย้ายสำนักงานใหญ่ของบริษัทแห่งหลัก 2 แห่งจากฮ่องกงไปยังหมู่เกาะเคย์แมน ทำให้เกิดการคาดเดากันว่า เขากำลังวางแผนถอนตัวจากจีน
อภิมหาเศรษฐีผู้นี้ยืนยันในคำแถลงซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (29 ก.ย.) โดยบริษัท ซีเค ฮัทชินสัน โฮลดิงส์ ของเขา ว่า ไม่ต้องการให้การกล่าวหาที่ไม่มีมูลเหล่านี้สร้างความกังวลต่อนักลงทุน และระบุว่า การกล่าวหาเรื่องการถอนตัวจากจีนไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย
ลียังบอกว่า เขาเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินหน้าปรับปรุงธรรมาภิบาลและปฏิรูปเศรษฐกิจจีนต่อไป
ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา เจ้าสัวใหญ่ฮ่องกงผู้นี้ยอมรับนับถือผู้นำคอมมิวนิสต์จีนเพื่อรับประกันความอยู่รอดของผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนในแผ่นดินใหญ่ ลีเป็นหนึ่งในกลุ่มนักธุรกิจที่เข้าพบสีที่ปักกิ่งเมื่อปีที่แล้ว เพื่อแสดงการสนับสนุนปักกิ่งขณะที่สถานการณ์ในฮ่องกงกำลังตึงเครียดจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย
ลี วัย 87 ปี ติดอันดับบุคคลผู้รวยที่สุดในเอเชียมายาวนาน แม้เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งตกลงมาอยู่ที่ 2 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 24,300 ล้านดอลลาร์จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บของอเมริกาก็ตาม
ต้นเดือนนี้ กลุ่มคลังสมองแห่งหนึ่งรวมทั้งสำนักข่าวซินหวาของทางการจีน และหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ากระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประณามการตัดสินใจทางธุรกิจของลีในจีน
ทว่า ลีอธิบายว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทของเขาลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่อย่างระมัดระวัง เนื่องจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
“การลดการลงทุนในสินทรัพย์ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้ลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว” คำแถลงของลียังระบุว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น เครือข่ายค้าปลีกในจีนของบริษัทของเขาขยายตัวถึง 77% จนมีร้าน 2,300 แห่งแล้ว