เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ – รัฐบาลญี่ปุ่นตกเป็นข่าวเตรียมขยายบทบาท ของกองกำลังป้องกันตนเองของตนในภารกิจรักษาสันติภาพที่ประเทศ “ซูดานใต้” ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้า ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดหลังกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ ผ่านความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาแดนปลาดิบไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่นของทางสำนักข่าวเกียวโดระบุว่า ญี่ปุ่นเตรียมมอบหมายภารกิจเพิ่มเติมให้แก่สมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองของตนที่ประจำการอยู่ในซูดานใต้ จากการทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยเพียงอย่างเดียวไปสู่การเพิ่มบทบาทเชิงรุกในการให้ความช่วยเหลือต่อกองกำลังรักษาสันติภาพจากประเทศอื่น ๆ ตลอดจน เจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติที่ถูกโจมตี
ก่อนหน้านี้ รัฐสภาญี่ปุ่นลงมติผ่านความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติด้านความมั่นคงฉบับใหม่เมื่อวันเสาร์ (19 ก.ย.) ที่ผ่านมา และถูกมองว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายครั้งสำคัญที่จะเปิดทางให้ทหารแดนปลาดิบร่วมรบในต่างแดนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1945 ถือเป็นชัยชนะของนายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยวอย่างชินโซ อาเบะ ผู้ผลักดันให้ผ่อนคลายข้อจำกัดด้านกองทัพของรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพ
นายอาเบะบอกว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายกลาโหมครั้งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่จัดตั้งกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลและอากาศขึ้นในปี 1954 มีความสำคัญยิ่งในการเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ อย่างเช่นการผงาดขึ้นมาของจีน
นับเป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปีนับตั้งแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะมีอำนาจในการใช้กำลังทหารในความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้กองทัพญี่ปุ่นมีสิทธิในการปกป้องตนเอง หรือเข้าช่วยเหลือชาติพันธมิตร แม้ว่าญี่ปุ่นไม่ถูกโจมตีก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ได้โหมกระพือกระแสแห่งความไม่พอใจ และนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ของประชาชนทั่วไปที่มองว่ากฏหมายใหม่นี้ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพ และอาจดึงญี่ป่นจะติดบ่วงความขัดแย้งต่างๆ ที่นำโดยสหรัฐฯ หลังอยู่อย่างสงบ –สันติมานานกว่า 70 ปีนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่คะแนนนิยมของนายอาเบะก็ได้รับผลกระทบจากความเคลื่อนไหวครั้งนี้เช่นกัน
นายอาเบะบอกกับผู้สื่อข่าวหลังจากที่ประชุมวุฒิสภาเต็มคณะ ได้ผ่านความเห็นชอบต่อเนื้อหาและข้อกำหนดในพระราชบัญญัติดังกล่าวว่า กฎหมายนี้มีความจำเป็นเพื่อปกป้องชีวิตประชาชนและแนวทางการใช้ชีวิตอย่างสันติ และจุดประสงค์ของกฎหมายล่าสุดนี้ คือ การ “ป้องกันสงคราม” มิใช่ “การก่อสงคราม”
ด้านทางการสหรัฐฯ ออกโรงร่วมยินดี กับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายครั้งสำคัญนี้ของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับหลายชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกังวลต่อพฤติกรรมก้าวร้าวของจีนที่ต่อการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่พิพาทต่าง ๆ ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้
