เอเอฟพี - รัฐสภาเนปาลเมื่อวันพุธ(16ก.ย.) ลงมติผ่านร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หลายสัปดาห์หลังจากเหล่าผู้นำทางการเมืองบรรลุข้อตกลงประวัติศาสตร์ตั้งสหพันธรัฐ ตามหลังแผ่นดินไหวใหญ่ แม้ถูกคัดค้านอย่างดุเดือด จนเกิดการปะทะหลายรอบ มีผู้คนต้องสงสัยชีวิตหลายสิบศพ
เสียงเชียร์ดังขึ้นภายในรัฐสภา หลังนายซูบาส เนมบัง ประธานสภาแถลงว่าร่างกฎหมายที่ล่าช้ามานานนี้ ผ่านความเห็นชอบด้วยคะแนนสนับสนุน 507 เสียงจากทั้งหมด 598 เสียง
ผลโหวตของการอภิปรายอย่างมาราธอน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์(13ก.ย.) จนถึงช่วงค่ำวันพุธ(16ก.ย.) มีขึ้นตามหลังเหตุประท้วงรุนแรงต่อต้านรัฐธรรมนูญใหม่ คร่าชีวิตมากกว่า 40 ศพและทำให้แถบที่ราบลุ่มทางภาคใต้ของตกอยู่ในภาวะชะงักงัน
รัฐธรรมนูญใหม่นี้จะถูกนำไปแทนที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวที่บังคับใช้มาตั้งแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองยาวนาน 1 ทศวรรษ ในปี 2006 อันนำมาซึ่งการยกเลิกระบอบกษัตริย์ฮินดู และมีกำหนดบังคับใช้ในช่วงค่ำวันอาทิตย์(20ก.ย.)
โดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะแบ่งประเทศที่มีประชากร 28 ล้านคนเป็น 7 รัฐ ความเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายถ่ายโอนอำนาจจากศูนย์กลาง แต่พวกเหล่านักวิจารณ์มองว่ามันไม่ได้ให้อำนาจมากพอแก่กลุ่มต่างๆที่ไม่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
ในนั้นรวมไปถึงชนกลุ่มน้อยมาเดสีและทารู ซึ่งมีถิ่นฐานส่วนใหญ่ในแถบราบลุ่มทางใต้ของประเทศ ซึ่งอ้างว่าการแบ่งเขตพรมแดนภายในใหม่ จะทำให้พวกเขาด้อยโอกาสทางสังคม
เหล่าผู้นำทางการเมืองตอบโต้ว่าไม่มีข้อตกลงใดที่สามารถสร้างความพึงพอใจแก่ทุกคนได้ทั้งหมด และชี้แจงว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องยุติการเผชิญหน้าอันยาวนานเกี่ยวกับประเด็นรัฐธรรมนูญ เพื่อจะได้เริ่มต้นฟื้นฟูประเทศ
ความพยายามร่างรัฐธรรมนูญใหม่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2008 หรือ 2 ปีหลังจากสิ้นสุดสงครามกลางเมืองระหว่างกองกำลังรัฐกับกองโจรนิยมลัทธิเหมาที่ต้องการขจัดระบบกษัตริย์และยุติความไม่เท่าเทียมกันของสังคม
หลายปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองต่างๆไม่สามารถตกลงกันได้ในมาตราต่างๆของรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ 3 ขุมกำลังทางการเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ อันได้แก่พรรคเนปาลคองเกรส พรรคยูเอ็มแอลและเหล่าพรรคการเมืองนิยมลัทธิเหมา ฝ่าทางตันได้สำเร็จในเดือนมิถุนายน ไม่กี่เดือนตามหลังเหตุแผ่นดินไหวใหญ่คร่าชีวิตชาวบ้าน 8,900 ศพและทำลายอาคารบ้านเรือนราว 5 แสนหลัง
พวกเขาบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับโครงสร้างรัฐใหม่ของประเทศ แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าดันปล่อยให้ประเด็นพรมแดนภายในที่มีความสำคัญอย่างยิ่งคาราคาซังต่อไป
เมื่อเดือนที่แล้ว เหล่าพรรคการเมืองทั้งหลายตัดสินใจปักปันเขตแดนรัฐต่างๆในรัฐธรรมนูญใหม่ หลังมีคำเตือนว่าการไม่กำหนดเขตแดนอาจกระพือปัญหาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวดังกล่าวกลับกลายเป็นการกระตุ้นความรุนแรง คร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 40 ศพ