รอยเตอร์ – นิตยสารออนไลน์ที่เผยแพร่โดยกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ระบุว่า ชาวซีเรียและชาวลิเบียที่ลี้ภัยไปยังยุโรปกำลังก่อบาปด้วยการทำให้ลูกหลานของพวกเขาต้องเผชิญกับความไม่เชื่อในพระเจ้า ยาเสพติด แอลกอฮอล์ และการปล่อยปละเรื่องทางเพศ
ในปีนี้มีผู้หลบหนีลี้ภัยสงครามในตะวันออกกลางเป็นจำนวนหลายแสนคน ส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ถูกยึดหรือถูกคุกคามโดยกลุ่มไอเอส พวกเขาข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมายังยุโรปโดยอาศัยเรือสภาพทรุดโทรมที่บางครั้งก็ล่มกลางทะเล จนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย นับเป็นหนึ่งในคลื่นการอพยพที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่มาจากซีเรีย อิรัก และลิเบีย ประเทศที่ถูกล้างผลาญโดยไฟแห่งความขัดแย้งที่มักมีกลุ่มไอเอสเข้ามาเกี่ยวข้อง
นิตยสารดาบิคของกลุ่มไอเอสระบุว่า “น่าเศร้าที่ชาวซีเรียและชาวลิเบียบางคนต้องการที่จะเสี่ยงชีวิตและวิญญาณลูกหลานพวกเขา และสังเวยชีวิตพวกเขาจำนวนมากระหว่างการเดินทางที่อันตรายสู่ดินแดนของพวกนักรบศักดิ์สิทธิที่ก่อสงคราม ซึ่งถูกปกครองด้วยกฎหมายอเทวนิยมและกฎหมายอนาจาร”
นิตยสารดาบิค ระบุว่า ครอบครัวผู้ที่ลี้ภัยไปยังยุโรปส่วนใหญ่มาจากดินแดนภายใต้การควบคุมของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียหรือจากพื้นที่ของชาวเคิร์ดที่กำลังสู้รบกับกลุ่มไอเอสอยู่
แต่นิตยสารเล่มนี้ของกลุ่มไอเอส ซึ่งยึดครองอาณาเขตในอิรักและซีเรียที่มีประชากรราว 10 ล้านคนอาศัยอยู่ ระบุว่า ผู้ที่ออกจากดินแดนของพวกเขานั้นกำลังก่อ “บาปมหันต์”
“ควรทราบเอาไว้ว่าการออกจากดารุลอิสลาม (ดินแดนอิสลาม) ด้วยความสมัครใจเพื่อไปยังดารุลกุฟร์ (ดินแดนของผู้ไม่ศรัทธา) นั้นเป็นบาปมหันต์ร้ายแรง เนื่องจากมันคือการข้ามไปสู่กุฟร์ (ความไม่ศรัทธา) และคือประตูสู่การที่ลูกหลานของคนผู้นั้นจะทอดทิ้งศาสนาอิสลามเพื่อหันไปหาศาสนาคริสต์ อเทวนิยม หรือเสรีนิยม” ดาบิค ระบุ
นิตยาสารดาบิคเสริมว่า การอพยพไปยังดินแดนของชาวคริสต์ทำให้เด็กๆ เผชิญกับ “ภัยคุมคามอย่างต่อเนื่องจากการผิดประเวณี การร่วมเพศทางทวารหนัก ยาเสพติด และแอลกอฮอล์”
“หากพวกเขาไม่ตกลงสู่บาป พวกเขาก็จะลืมเลือนภาษาแห่งคัมภัร์อัลกุรอานหรือภาษาอาหรับ ซึ่งแวดล้อมพวกเขาในซีเรีย อิรัก ลิเบีย และที่อื่นๆ ทำให้การกลับคืนสู่ศาสนาและคำสอนยากลำบากยิ่งขึ้น”