เอเอฟพี - สื่อต่างประเทศรายงานแรงศรัทธาของผู้เลื่อมใสชาวจีนศาลพระหมเอราวัณ บริเวณแยกราชประสงค์ของกรุงเทพฯ ยังคงไม่เสื่อมคลาย 2 สัปดาห์หลังเกิดเหตุระเบิดคร่า 20 ชีวิต ระบุนักท่องเที่ยวจากแดนมังกรยังคงหลั่งไหลมายังศาลแห่งนี้ เพื่อกราบอธิษฐานให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา บางส่วนยอมรับมีความกังวลอยู่บ้าง แต่ก็เชื่อมั่นมาตรการรักษาความปลอดภัยและไม่เชื่อว่าเหตุโจมตีดังกล่าวเป็นการแก้แค้นของมุสลิมอุยกูร์
แม้ตัวองค์ท้าวมหาพรหมเอราวัณจะได้รับความเสียหายมีรอยแตกเล็กน้อยบริเวณคางจากเหตุระเบิดในช่วงค่ำวันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม ขณะที่โจมตีเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนคร่าชีวิตผู้คน 20 ศพ เกือบทั้งหมดเป็นคนเชื้อสายจีนทั่วทั้งเอเชีย เปลี่ยนสถานศักดิ์สิทธิ์เป็นเขตสงครามขนาดย่อม
แต่เอเอฟพีอ้างคำสัมภาษณ์ของเฉินหลิน นักท่องเที่ยวจากเมืองกว่างโจว ทางภาคใต้ของจีน บอกว่าเหตุโจมตีดังกล่าวไม่มีทางยับยั้งไม่ให้เขาเดินทางมายังศาลพรหมเอราวัณ ซึ่งทุกครั้งที่เขาเดินทางผ่านเมืองหลวงของไทย ก็จะพยายามแวะกราบไว้สักการะตลอด
“ผู้คนมากราบอธิษฐานขอให้ร่ำรวยและบางคนก็ขอให้ได้ลูกชาย” เขาให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีเมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) “ผมมาที่นี่แล้วกว่า 10 ครั้ง และผมยังพาเพื่อนๆ มาที่นี่ด้วย”
ส่วน เฉิน บิง-บิง ดีไซเนอร์วัย 26 ปี จากจีนแผ่นดินใหญ่ ยอมรับกับเอเอฟพีว่าครอบครัวของเธอต่างเป็นกังวลหลังทราบข่าวว่าเธอจะมากรุงเทพฯ "แต่ฉันบอกว่าไม่เป็นไรหรอก" เธอพูดเป็นภาษาจีนกลาง "หลังจากเกิดระเบิด มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่นี่ ฉันคิดว่าแต่ละคนมีโชคชะตาเคราะห์กรรมของตนเอง ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่"
ในรายงานของเอเอฟพีระบุว่า เจ้าหน้าที่ไทยปฏิเสธข้อสันนิษฐานต่างๆ ที่บ่งชี้ว่าการโจมตีนี้เป็นฝีมือของพวกก่อการร้ายระหว่างประเทศหรือเล็งเป้าหมายเล่นงานนักท่องเที่ยวชาวจีนโดยเฉพาะ
แรงคาดเดาต่อความเกี่ยวข้องของชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ของจีนหรือเหล่าผู้เห็นอกเห็นใจร่วมศาสนาของพวกเขามีมากขึ้น หลังไทยบังคับเนรเทศผู้อพยพชาวอุยกูร์กว่า 100 คนกลับไปเผชิญชะตากรรมที่ไม่แน่นอนในจีนเมื่อเดือนก่อน
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมากราบไหว้สักการะศาลพระพรหมในวันจันทร์ (31 ส.ค.) บอกกับเอเอฟพี ไม่เชื่อว่าพวกเขานั้นเป็นเป้าหมายของการโจมตีโดยเฉพาะ “มันเป็นแค่ข่าวลือ” หวู่ คุน นักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่กล่าว “เราไม่เคยได้ยินข่าวอย่างเป็นทางการเลยว่าเป้าหมายการโจมตีเป็นคนจีน ผมไม่ใส่ใจมันนักหรอก”