นราธิวาส - “เครือข่ายเพราะเราคือเรือนร่างเดียวกัน” และภาคีเครือข่ายชาวไทยมุสลิมนราธิวาสกว่า 30 องค์กร แถลงกำหนดการละหมาดวันฮารีรายออีดิลฟิตตรี ประจำปี 2558 ให้ยิ่งใหญ่ครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ พร้อมแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยต่อรัฐบาลส่งชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนแผ่นดินใหญ่
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่ห้องประชุมร้านอาหารนาเซร์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส นายเมฐา เมฆารัฐ ประธานเครือข่ายเพราะเราคือเรือนร่างเดียวกัน จ.นราธิวาส และภาคีเครือข่ายชาวไทยมุสลิมนราธิวาสกว่า 30 องค์กร ได้ร่วมแถลงข่าวเพื่อกำหนดการละหมาดวันฮารีรายออีดิลฟิตตรี ประจำปี 2558 ซึ่งทางองค์กรได้ประสานไปยังคณะกรรมอิสลาม ผู้นำศาสนา เพื่อให้การจัดพิธีละหมาดครั้งประวิติศาสตร์ครั้งแรกในพื้นที่ จ.นราธิวาส เนื่องจากที่ผ่านมา จะกระจายจัดละหมาดตามมัสยิดต่างๆ
แต่ในปี้นี้จะจัดขึ้นในบริเวณสนามกีฬาเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งจะสามารถรองรับประชาชนมุสลิมนับหมื่นคน และเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายคือ ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ให้ความสะดวก และดูแลความสงบเรียบร้อยให้แก่ประชาชนตลอดห้วงระยะเวลาพิธีละหมาดวันฮารีรายอ
ทั้งนี้ ทางจุฬาราชมนตรีได้ประกาศให้ดูดวงจันทร์หลังดวงอาทิตย์ตกดินในพฤหัสที่ 16 ก.ค.ที่จะถึง ถ้ามีคนเห็นดวงจันทร์จะถือว่าฮารีรีรายอทันที หากไม่เห็นดวงจันทร์ให้วันฮารีรายออีดิ๊ลฟิตตรีถือเป็นการสิ้นสุดวันถือศีลอดรอมฎอนด้วย จึงขอเชิญชวนชาวไทยมุสลิมร่วมกันละหมาดวันดังกล่าวเพื่อสร้างประวัติความสามัคคี
นอกจากนี้ นายเมฐา เมฆารัฐ ได้กล่าวในฐานะรองประธานเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ประจำจุฬาราชมนตรีว่า ในเรื่องที่รัฐบาลไทยได้ส่งชาวมุสลิมอุยกูร์ 115 คน ไปยังประเทศจีนนั้น องค์กรมุสลิมในประเทศไทยหลายองค์กรไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และผิดหวังต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะจีนเป็นประเทศปกครองแบบคอมมิวนิสต์ มีกฎหมายรุนแรง การส่งชาวอุยกุร์ไปยังจีนจึงนับได้ว่า ไม่มีใครรับรองความปลอดภัยต่อชาวอุยกูร์ แม้จีนจะกล่าวว่าเป็นประเทศคอมมิวนิสต์เปิด แต่แค่กฎหมายหลบหนีออกนอกประเทศมีโทษสถานหนักมาก
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางรัฐบาลไทยแจ้งว่าได้ประสานรัฐบาลจีน สามารถขอดู และติดตามชาวอุยกูร์ที่ส่งตัวได้ ในเบื้องต้นทางองค์กรมุสลิมไทยจะขอพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธาน คสช.ก่อน เพื่อขอทราบและคำชี้แจ้งกรณีส่งชาวอุยกูร์ไปยังจีน และเครือข่ายมุสลิมจะร่วมเดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อดูความเป็นอยู่ของชาวมุสลิมอุยกูร์ที่นั่น
“ในส่วนชาวอุยกูร์ที่ยังอยู่ในไทยอีก 52 คน ขอร้องให้รัฐบาลอย่าส่งไปจีนอีก ซึ่งประเทศตุรกีพร้อมรองรับผู้อพยพเหล่านี้ เนื่องจากเขาเหล่านี้หนีภัยคุกคามต่อชีวิตจากระบอบคอมมิวนิสต์มาพึ่งความเป็นธรรมด้านมนุษยธรรม จึงสมควรช่วยเหลืออย่างยิ่ง ที่สำคัญไทยแถลงว่าทำถูกต้องแล้ว แต่ตุรกี เยอรมนี สหรัฐอเมริกาและสหประชาชาติ ได้แสดงความเห็นว่า ไทยอาจเข้าข่ายละเมิดสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งไทยลงนามในสนธิสัญญาด้วย”