เอเอฟพี/รอยเตอร์ - เกาหลีใต้ปิดลำโพงกระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อบริเวณชายแดนในวันอังคาร (25 ส.ค.) ภายหลังเกาหลีเหนือแถลงแสดงความเสียใจในเหตุกับระเบิด ซึ่งทำให้ทหารโสมขาว 2 คนบาดเจ็บ อีกทั้งยุติสภาวะ “กึ่งสงคราม” อย่างไรก็ดี กองทัพเกาหลีใต้ยังเตรียมพร้อมระดับสูงเพื่อรอให้เกาหลีเหนือถอนกำลัง ขณะที่ทั้งยูเอ็น จีน และอเมริกา ต่างแสดงความยินดีที่สองเกาหลียุติการเผชิญหน้า แม้วอชิงตันเตือนว่า จะต้องเฝ้าติดตามพฤติกรรมเปียงยางต่อไป
ตามข้อตกลงที่ออกมาเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (25) ภายหลังการเจรจาอย่างยืดเยื้อกว่าสองวัน เกาหลีเหนือตกลงแถลงแสดงความเสียใจต่อเหตุกับระเบิดที่ทำให้ทหารเกาหลีใต้ 2 คนบาดเจ็บต้องตัดขาเมื่อต้นเดือนนี้ ขณะที่โซลก็ยินยอมยุติการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านเกาหลีใต้ผ่านระบบลำโพงขนาดใหญ่ใกล้ชายแดนในเวลาเที่ยงวัน (10.00 น. ตามเวลาไทย) วันเดียวกัน
เปียงยางยังตกลงยุติภาวะ “กึ่งสงคราม” ตามที่ คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือประกาศตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว พร้อมกันนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะเดินหน้าหารือประเด็นต่าง ๆ เพื่อปรับความสัมพันธ์กันต่อไป โดยเริ่มต้นจากการหารือเพื่อนำครอบครัวที่ต้องพลัดพรากกัน เนื่องจากสงครามเกาหลีปี 1950 - 53 กลับมาพบกันอีกครั้งในเดือนหน้า
อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ แถลงว่า กองทัพฝ่ายตนยังคงเตรียมพร้อมในระดับสูง จนกว่าจะได้รับการยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ถอนกำลังและลดระดับจากภาวะ “กึ่งสงคราม” แล้ว ซึ่งคาดว่า ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา วิกฤตความขัดแย้งสองเกาหลีทำท่าลุกลามอย่างรวดเร็ว โดยที่เครื่องบินขับไล่ของเกาหลีใต้และอเมริการ่วมซ้อมการฝ่าวงล้อมทิ้งระเบิดใส่ศัตรูตรงบริเวณไม่ห่างจากชายแดนเกาหลีเหนือ ขณะที่มีรายงานว่า เกาหลีเหนือระดมส่งเรือดำน้ำ 50 ลำ ออกมานอกฐานทัพ และเพิ่มกำลังหน่วยปืนใหญ่อีกเท่าตัวตามแนวชายแดน
ถึงแม้ถ้อยแถลงสุดท้ายของเกาหลีเหนือ ไม่มีการกล่าวขอโทษอย่างชัดเจนต่อกรณีกับระเบิดตามที่โซลเรียกร้องต้องการ รวมทั้งเปียงยางยังคงไม่ได้ยอมรับผิดอย่างชัดแจ้ง ทว่า คิม กวานจิน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติและหัวหน้าคณะเจรจาของเกาหลีใต้ ยืนยันว่า การแสดงความเสียใจของโสมแดง เป็นสิ่งที่ “มีความหมายมาก” และเป็นส่วนที่ยากเย็นที่สุดในกระบวนการเจรจา
เจิง ยังแต นักวิเคราะห์จากสถาบันเพื่อการรวมชาติในโซล เห็นด้วยว่า เกาหลีเหนือแสดงความเสียใจหนักแน่นกว่าที่หลายคนคาดไว้ และในทางการทูตนั้น วลีนี้หมายถึงการขอโทษอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีการกล่าวถึงเป้าหมายของคำขอโทษอย่างชัดเจน ซึ่งคือกรณีกับระเบิดที่ทำให้ทหารเกาหลีใต้สองนายต้องตัดขา
กระนั้น ในคำแถลงนี้ เกาหลีเหนือยังไม่รับปากยุติการยั่วยุในอนาคต แต่กล่าวอย่างกว้าง ๆ ว่า จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ “ไม่ปกติ”
ไม่เพียงเท่านั้น ฮวาง พยองโซ หัวหน้าคณะเจรจาของเกาหลีเหนือ และเป็นที่ปรึกษาระดับท็อปของคิม จองอึน ได้กล่าวทางทีวีของทางการโสมแดง ว่า วิกฤตคราวนี้มีชนวนมาจากปฏิกิริยา “อันไร้เหตุผล” ของเกาหลีใต้ต่อเหตุการณ์ “ที่ประดิษฐ์สร้างเรื่องขึ้นมา” พร้อมระบุว่า การที่เกาหลีใต้ยอมตกลงด้วยในครั้งนี้ ต้องขอบคุณ “การต่อสู้อย่างมีหลักการ” ของประชาชนและของกองทัพเกาหลีเหนือ
ยังต้องรอดูต่อไปว่า ข้อตกลงนี้จะนำสองเกาหลีไปถึงจุดไหน เนื่องจากข้อตกลงหลายครั้งก่อนหน้านี้มักล้มเหลวตั้งแต่ไก่โห่ ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว สองฝ่ายตกลงฟื้นการเจรจาระดับสูง ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นจริงจนถึงขณะนี้ เนื่องจากเปียงยางไม่พอใจที่นักเคลื่อนไหวโสมขาวส่งบอลลูนโปรยใบปลิวต่อต้านเปียงยางเข้าไปในเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ แน่นอนว่า กิจกรรมดังกล่าวจะยังดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับการซ้อมรบประจำปีเกาหลีใต้ - อเมริกา ซึ่งเกาหลีเหนือขยันออกมาประณามและย้ำว่า เป็นสาเหตุให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียด
เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ในระยะหลัง ๆ ระหว่างสองเกาหลีที่ในทางเทคนิคยังถือเป็นคู่สงครามกันอยู่ ปรากฏว่าอยู่ในอาการเย็นชานับจากปี 2010 เมื่อเปียงยางจมเรือรบเกาหลีใต้ทำให้ลูกเรือเสียชีวิต 43 ราย โดยไม่แสดงความรับผิดชอบใด ๆ สถานการณ์ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากทหารเกาหลีใต้ 2 คน เหยียบกับระเบิดที่ถูกระบุว่าฝ่ายเกาหลีเหนือลอบเข้ามาวางไว้ ขณะทั้งสองลาดตระเวนในเขตปลอดทหารตามแนวชายแดน และโซลเริ่มเปิดสงครามโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านเกาหลีเหนือตรงพรมแดนอีกครั้ง เพื่อบีบให้เกาหลีเหนือขอโทษต่อกรณีดังกล่าว แต่กลับถูกเปียงยางขู่กลับว่า จะตอบโต้ด้วยปฏิบัติการทางทหาร
ทว่า เมื่อถึงเส้นตายที่เปียงยางขีดไว้ในวันเสาร์ (22) ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งอันนำมาสู่ข้อตกลงล่าสุดนี้
ขณะเดียวกัน วิกฤตการเผชิญหน้าครั้งนี้ กลับทำให้คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ของเกาหลีใต้ ที่ก่อนหน้านี้ ดิ่งหนักจากปัญหาเศรษฐกิจและโศกนาฏกรรมเรือเซวอล กลับพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 41% จากผลสำรวจของเรียลมิเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สืบเนื่องจากการที่พัคใช้จุดยืนแข็งกร้าวกับเปียงยาง
ทางด้านสหประชาชาติ อเมริกา ตลอดจนถึงจีน พันธมิตรชาติเดียวของเกาหลีเหนือ ต่างแสดงความยินดีที่ทั้งสองฝ่ายยุติการเผชิญหน้า แม้ จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ดักคอว่า จะรอพิสูจน์ความสำเร็จนี้จากการกระทำที่เป็นจริงของเปียงยางก็ตาม