เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย ของเกาหลีใต้ ยื่นคำขาดในวันจันทร์ (24 ส.ค.) ให้เปียงยางขอโทษกรณีลอบวางกับระเบิด จนทำให้ทหารโสมขาวบาดเจ็บเมื่อต้นเดือนนี้ รวมทั้งยุติการยั่วยุอื่น ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่โซลเลิกใช้ลำโพงโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านเกาหลีเหนือที่บริเวณชายแดน ขณะที่ทางด้านการเจรจาเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ยังไร้ความคืบหน้า ด้านวอชิงตันเล็งส่ง “ทรัพยากรทางทหารเชิงยุทธศาสตร์” ไปยังเกาหลีใต้
พัคประกาศในที่ประชุมคณะที่ปรึกษาระดับสูงเมื่อวันจันทร์ ว่า การใช้ลำโพงโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านโสมแดงในบริเวณชายแดนจะดำเนินต่อไป เว้นแต่เกาหลีเหนือแสดงความรับผิดชอบจากการแอบเข้ามาวางกับระเบิดในเขตแดนโสมขาว จนเกิดระเบิดขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งส่งผลให้ทหารเกาหลีใต้สองคนที่ลาดตระเวนอยู่ในเขตปลอดทหารที่กั้นกลางระหว่างสองประเทศ ได้รับบาดเจ็บและต้องตัดขา
ผู้นำเกาหลีใต้ยังต้องการให้เปียงยางยุติการยั่วยุอื่น ๆ ทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นจะได้รับการตอบโต้อย่างสาสม
ทว่า เกาหลีเหนือยังคงปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องกับระเบิดดังกล่าว ทั้งนี้ เกาหลีเหนือ - ใต้ ยังคงอยู่ในสถานะสงคราม เนื่องจากสงครามเกาหลีระหว่างปี 1950 - 1953 ยุติลงจากข้อตกลงหยุดยิง แต่ไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพกัน
เหตุกับระเบิดและการเปิดลำโพงโฆษณาชวนเชื่อขึ้นมาใหม่ดังกล่าว ส่งผลให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเดือดพล่าน สองฝ่ายได้ยิงปืนใหญ่ใส่กันเมื่อวันพฤหัสบดี (20) ที่แล้ว แม้ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บล้มตาย
ทางด้านชาติเพื่อนบ้าน ทั้งญี่ปุ่น และจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรหนึ่งเดียวของโสมแดง ต่างเรียกร้องให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ใช้ความอดกลั้น ขณะที่ บัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ ขอให้ทั้งสองเกาหลีเพิ่มความพยายามอีกเท่าตัว เพื่อคลี่คลายความตึงเครียด
ส่วนอเมริกาที่มีทหารประจำการถาวรในเกาหลีใต้เกือบ 30,000 คน ก็ย้ำพันธสัญญาในการปกป้องพันธมิตร
ในวันจันทร์ คิม มินซก โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ แถลงว่า โซลและวอชิงตันกำลังทบทวนความเป็นไปได้ในการที่อเมริกาจะส่งทรัพยากรทางทหาร “เชิงยุทธศาสตร์” ไปยังคาบสมุทรเกาหลี โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่า ทรัพยากรดังกล่าวหมายถึงสิ่งใด
เท่าที่ผ่านมา แม้เปียงยางข่มขู่เปิดศึกอยู่บ่อยครั้งและยั่วยุให้โซลตอบโต้ทางวาจาอย่างเผ็ดร้อน แต่ทั้งสองฝ่ายไม่เคยถึงขั้นกลับไปทำสงครามกัน และนักวิเคราะห์คาดว่า ความขัดแย้งในขณะนี้จะคลี่คลายลงเหมือนกับทุกครั้ง
ข้อเท็จจริงนี้ทำให้ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ยังใช้ชีวิตตามปกติ มีเพียงประชาชนหลายพันคนที่อาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดนหรือหน่วยโฆษณาชวนเชื่อของกองทัพ ที่ต้องอพยพไปอยู่ในสถานหลบภัยใต้ดินเพื่อป้องกันไว้ก่อนเป็นวันที่ 3 แล้ว
นอกจากนั้น เมื่อวันจันทร์ สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ในปักกิ่งยังออกคำเตือนแบบที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก โดยแนะนำให้พลเมืองงดเดินทางไปยังพื้นที่ในจีนที่อยู่ใกล้ชายแดนเกาหลีเหนือ
เมื่อสองปีที่แล้ว เกาหลีเหนือเคยขู่ใช้มาตรการทางทหารตอบโต้การซ้อมรบประจำปีระหว่างอเมริกากับเกาหลีใต้ จนนำไปสู่การเผชิญหน้า โดยที่ลุงแซมส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนบินโฉบเฉี่ยวเหนือเกาหลีใต้ และส่งเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่ง มาประจำการอยู่นอกชายฝั่งใกล้ ๆ
คิม โฆษกกลาโหมโสมขาว เสริมว่า จุดยืนของเกาหลีใต้ขณะนี้ คือ ยับยั้งการยั่วยุของเกาหลีเหนือ แต่หากเกาหลีเหนือยังคงพยายามยั่วยุ เกาหลีใต้จะตอบโต้อย่างไร้ความปรานี
กระทรวงกลาโหมโสมขาวยังแถลงวันอาทิตย์ว่า เปียงยางเพิ่มหน่วยปืนใหญ่ตามแนวชายแดนอีกเป็นสองเท่า รวมทั้งระดมส่งเรือดำน้ำอีกราว 50 ลำออกมานอกฐานทัพ
ด้านสำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานว่า หนุ่มสาวเกาหลีเหนือ 1 ล้านคนสมัครเป็นทหาร อย่างไรก็ดี รายงานนี้ไม่สามารถตรวจยืนยันได้
นอกจากนั้น สื่อของเปียงยางยังป่าวประกาศข้อความต่อต้านเกาหลีใต้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองฝ่ายยังคงเจรจาอย่างเคร่งเครียดในหมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหารที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ค่ำวันเสาร์ (22) หลังผ่านเส้นตายที่เปียงยางประกาศให้โซลยุติการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่เช่นนั้นจะถูกตอบโต้ด้วยมาตรการทางทหาร
ชุง ยังชุล ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากมหาวิทยาลัยโซกัง ของเกาหลีใต้ มองว่า ท่าทีแข็งกร้าวของพัคบ่งชี้ว่า การเจรจาไร้ความคืบหน้า ขณะที่ผู้สังเกตการณ์อื่น ๆ ยังมองแง่บวกว่า แม้การเจรจายืดเยื้อ แต่เมื่อยังมีการพูดจากันก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี
เช่นเดียวกัน ศาสตราจารย์ ยัง มูจิน จากมหาวิทยาลัยเกาหลีเหนือศึกษา ในกรุงโซล ซึ่งระบุว่า พัครู้ดีว่า เปียงยางไม่มีทางขอโทษ แต่เป็นเรื่องปกติที่ต่างฝ่ายจะต้องพยายามกดดันและทำให้ตัวเองมีแต้มต่อในการเจรจาที่เห็นได้ชัดว่า ยากเย็นแสนเข็ญ