เอเจนซีส์ - เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือได้ยิงจรวดและปืนใหญ่ข้ามชายแดนเข้าใส่กันในวันพฤหัสบดี (20 ส.ค.) แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บล้มตายของทั้งสองฝ่าย นับเป็นการใช้อาวุธเล่นงานกันครั้งแรกในรอบ 5 ปี
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุในคำแถลงว่า เรดาร์ของกองทัพตรวจพบว่ามีจรวดของเกาหลีเหนือถูกยิงมาตกที่อำเภอยอนชอน บริเวณชายแดนเกาหลีใต้ ตอนเวลาประมาณ 15.52 น. ของวันพฤหัสบดี แต่ไม่มีการเอ่ยถึงความเสียหายจากจรวดลูกนี้
กระทรวงกลาโหม ระบุว่า เกาหลีใต้ได้ตอบโต้ด้วยการใช้ปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร ยิงกลับไปหลายสิบนัด โดยเล็งไปยังจุดที่มีการปล่อยจรวดออกมาของเกาหลีเหนือ
"กองทัพของเราได้เพิ่มการระวังภัยและจับตาดูความเคลื่อนไหวของกองทัพเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด" คำแถลงของกระทรวงกลาโหม ระบุ
เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายใช้อาวุธหนักยิงเข้าใส่กัน นับตั้งแต่ปี 2010 ที่ทางเกาหลีเหนือใช้ปืนใหญ่โจมตีเกาะของเกาหลีใต้บริเวณชายแดน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นนาวิกโยธิน 2 รายกับพลเรือนอีก 2 ราย โดยในตอนนั้นเกาหลีใต้ตอบโต้ด้วยการใช้ปืนใหญ่ยิงไปยังบริเวณที่เป็นฐานยิงของเกาหลีเหนือ
ความตึงเครียดตามแนวชายแดนระหว่างทั้งสองชาติได้เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อมีทหารชายแดนของเกาหลีใต้ 2 นายได้รับบาดเจ็บร้ายแรงจากกับระเบิด ซึ่งมีการกล่าวโทษว่าเกาหลีเหนือฝังไว้ ขณะที่ฝ่ายโสมแดงนั้นปฏิเสธว่าไม่ได้ฝัง
เพื่อเป็นการตอบโต้ เกาหลีใต้ได้เริ่มใช้การประกาศข้อความชวนเชื่อผ่านลำโพงเสียงดังบริเวณชายแดนเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นกลยุทธเก่าเก็บตั้งแต่สมัยสงครามเย็นที่หยุดใช้มานานถึง 11 ปี ทำให้ทางเกาหลีเหนือต้องหันมาเล่นสงครามประสาทบ้าง ด้วยการประกาศข้อความชวนเชื่อผ่านลำโพงของตน พร้อมทั้งขู่ว่าจะโจมตีเกาหลีใต้
ล่าสุดทางการเกาหลีเหนือได้ยื่นคำขาดในวันพฤหัสบดี (20 ส.ค.) ให้เวลาเกาหลีใต้ 48 ชั่วโมงในการเลิกประกาศข้อความชวนเชื่อผ่านลำโพงเสียงดังตามแนวชายแดน มิฉะนั้นจะต้องเจอกับมาตรการทางทหาร
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่า ข้อความจากเจ้าหน้าที่ของกองทัพประชาชนเกาหลีจากฝั่งโสมแดงนั้นได้ถูกส่งผ่านสายด่วนที่ใช้สื่อสารกันระหว่างกองทัพของทั้งคู่
ทั้งนี้ ช่วงเวลา 48 ชั่วโมงนั้นจะมีเส้นตายอยู่ที่เวลา 17.00 น. ของวันเสาร์นี้ ตามเวลาท้องถิ่น