เอเอฟพี - รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศยุบสภาวันนี้ (25 ส.ค.) เพื่อนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งใหม่ในระยะเวลา 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ที่จะต้องลุ้นว่า พรรคกิจประชาชน (พีเอพี) ซึ่งครองอำนาจมานานถึง 50 ปี จะได้รับอาณัติจากประชาชนให้กลับเข้ามาบริหารประเทศอีกหรือไม่ ท่ามกลางปัญหาผู้อพยพ ค่าครองชีพสูง และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
พรรคพีเอพีปกครองสิงคโปร์มานานกว่าครึ่งศตวรรษด้วยนโยบายควบคุมการเมืองอย่างเข้มงวด ผสานกับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และสำหรับศึกเลือกตั้งที่จะถึงนี้หลายฝ่ายเชื่อว่า พีเอพี จะยังสามารถครองเสียงข้างมากในสภาซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 89 ที่นั่งได้เหมือนเดิม เนื่องจากฝ่ายค้านยังคงรวมตัวไม่ติด
อย่างไรก็ดี รัฐบาล ลี เซียน ลุง ก็เผชิญแรงกดดันให้ต้องกู้คะแนนนิยมให้สำเร็จ หลังชนะเลือกตั้งปี 2011 มาด้วยคะแนนโหวตเพียงร้อยละ 60 ซึ่งถือว่าตกต่ำเป็นประวัติการณ์ แม้จะยังครองที่นั่งในสภาอยู่ได้ถึง 80 ที่นั่งก็ตาม
ศึกเลือกตั้งคราวนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ ลี จะต้องสู้โดยปราศจากการหนุนหลังของบิดาผู้ทรงอิทธิพลอย่าง ลี กวน ยู รัฐบุรุษผู้สร้างชาติสิงคโปร์ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ตามกฎหมายสิงคโปร์ รัฐบาลจะต้องจัดการเลือกตั้งขึ้นภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ประธานาธิบดี โทนี ตัน ประกาศยุบสภา ส่วนการประกาศวันรับสมัครเลือกตั้งจะมีให้ทราบในภายหลัง
นายกฯ ลี ซึ่งยังมีเวลาถึงเดือนมกราคม ปี 2017 ที่จะจัดเลือกตั้งให้สำเร็จลุล่วง มีถ้อยแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์เมื่อวันอาทิตย์ (23) ว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง ท่านทั้งหลายจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเลือกคนที่จะเข้ามาบริหารประเทศในอีก 5 ปีถัดไป แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การตัดสินใจของท่านจะเป็นตัวกำหนดทิศทางอนาคตของสิงคโปร์ในอีก 50 ปีข้างหน้า ท่านจะต้องเป็นผู้วางอนาคตให้แก่สิงคโปร์”
สิงคโปร์ได้มีพิธีเฉลิมฉลองเอกราชครบ 50 ปีไปเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม โดยมีการจัดขบวนพาเหรดอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพของบ้านเมือง ตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่อยู่ภายใต้การปกครองของพรรคพีเอพี
หลายฝ่ายต่างจับตาว่า ศึกเลือกตั้งคราวนี้ฝ่ายค้านสิงคโปร์จะสามารถตีตื้นคว้าจำนวน ส.ส. ได้เกินกว่า 7 ที่นั่งที่ครองอยู่ในปัจจุบันได้หรือไม่
ผลสำรวจโดยสถาบันวิจัยแบล็กบ็อกซ์ในสิงคโปร์ พบว่า ดัชนีความพึงพอใจที่ชาวสิงคโปร์มีต่อรัฐบาลยังสูงถึง 76.4% ในเดือนกรกฎาคม ลดลงมาเล็กน้อยจากระดับ 80% ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งประชาชนอยู่ในภาวะเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของอดีตนายกฯ ลี กวน ยู