เอเจนซีส์ - ทางการจีนเตือนระดับไซยาไนด์ในแหล่งน้ำรอบบริเวณที่ระเบิดในท่าเรือเทียนจินบางจุดสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้ถึง 277 เท่า แต่ยืนยันระบบน้ำดื่มของเมืองยังคงปลอดภัย ขณะที่ผู้ตรวจการพิเศษยูเอ็นสับปักกิ่งไม่โปร่งใส ชี้หากเผยแพร่ข้อมูลที่จำเป็นทันท่วงทีอาจช่วยบรรเทาหรือกระทั่งป้องกันโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้
รายงานจากสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมเทียนจินที่ออกมาเมื่อวันพุธ (19 ส.ค.) ระบุว่า การทดสอบที่ดำเนินการก่อนหน้านั้นหนึ่งวันพบว่า ระดับไซยาไนด์ในแม่น้ำ ทะเล และท่อน้ำทิ้งในบริเวณรอบๆ ที่เกิดเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมาพุ่งสูงมาก ที่จุดทดสอบหนึ่งบริเวณปากท่อระบายน้ำฝนวัดระดับไซยาไนด์ได้สูงสุดทำสถิติที่ 277 เท่าของมาตรฐานที่ยอมรับได้
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์จากหน่วยงานสาธารณสุขที่ออกมาเมื่อวันอังคาร (18) ยืนยันว่าน้ำดื่มในเทียนจินปลอดภัยและสอดคล้องตามมาตรฐานของประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยืนยันว่ามีโซเดียมไซยาไนด์จัดเก็บอยู่ในโกดังที่ระเบิดเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วถึงราวๆ 700 ตัน
หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีของทางการจีน รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของ หวง ซิงกั๋ว นายกเทศมนตรีเทียนจิน ว่า เทียนจินซึ่งเป็นที่ตั้งท่าเรือใหญ่ที่สุดอันดับ 10 ของโลกจะย้ายโรงงานเคมีออกจากเขตเมืองใหม่ปินไห่ที่เกิดระเบิดไปยังเขตอุตสาหกรรมหนันกังซึ่งอยู่ห่างออกไป 25 กิโลเมตร
วันพฤหัสบดี (20) หน่วยงานปราบปรามการติดสินบนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนแถลงผ่านเว็บไซต์ของคณะกรรมการกลางฝ่ายการตรวจสอบวินัยว่า จะกวาดล้างการทุจริตและผู้ที่ละเมิดกฎหมายและกฎระเบียบอันนำไปสู่เหตุระเบิดครั้งร้ายแรงในเทียนจิน แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำถึงความสำคัญในการรักษาเสถียรภาพการเมือง
อนึ่ง เมื่อวันพุธ (19) สื่อของทางการจีนรายงานว่า ผู้บริหารรุ่ยไห่ บริษัทที่เป็นเจ้าของโกดังสารเคมี ใช้เส้นสายเพื่อให้ได้รับอนุมัติด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัยและสิ่งแวดล้อม โดยขณะนี้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนี้หลายคน ซึ่งรวมถึงเจ้าของบริษัท ถูกตำรวจควบคุมตัวไว้แล้ว
วันเดียวกัน ฝ่ายบริหารเมืองเทียนจินประกาศภายหลังการสอบสวนนานหลายวันว่า โกดังดังกล่าวเก็บสารอันตราย 40 ประเภท รวมทั้งหมด 2,500 ตัน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ สารออกซิไดซ์ที่ระเบิดได้ 1,300 ตัน ที่รวมถึงแอมโมเนียมไนเตรตและโปแตสเซียมไนเตรต, สารไวไฟ 500 ตัน ที่รวมถึงโซเดียมและแมกนีเซียม และสารพิษ 700 ตัน ส่วนใหญ่คือโซเดียมไซยาไนด์
นอกจากนั้น โกดังดังกล่าวยังอยู่ใกล้อาคารและทางรถไฟมากกว่าที่กฎระเบียบด้านการจัดเก็บสารอันตรายอนุญาต
ทางการเทียนจินยังบอกอีกว่า จะทำการประเมินเพื่อพิจารณาว่าจะซื้อคืนอพาร์ตเมนต์บางส่วนจาก 17,000 ห้องที่ได้รับความเสียหายจากเหตุระเบิดหรือไม่ หลังจากประชาชนนับร้อยเรียกร้องให้ทางการจ่ายค่าชดเชย หรือซื้อคืนอสังหาริมทรัพย์ที่เสียหายหรือถูกทำลาย หรือไม่ปลอดภัยที่จะกลับเข้าพักอาศัย
จง กั๋วอิง รองนายกเทศมนตรีเทียนจิน ระบุว่า อพาร์ตเมนต์บางส่วนอาจต้องทุบทิ้ง บางส่วนต้องสร้างใหม่ และบางส่วนรัฐอาจต้องรับซื้อคืน
ขณะเดียวกัน บัสกุต ตุนแคค ผู้ตรวจการพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนและวัตถุอันตรายของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) วิจารณ์ว่า โศกนาฏกรรมในเทียนจินเกิดจากการที่จีนขาดความโปร่งใส
ตุนแคคกล่าวว่า การเผยแพร่ข้อมูลอย่างทันท่วงทีอาจป้องกันหายนะดังกล่าวได้
เหตุระเบิดในโกดังเก็บสารเคมีในท่าเรือเทียนจินทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 114 ราย และบาดเจ็บราว 700 คน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน และทางการระดมกำลังเก็บกู้สารพิษและทำความสะอาดพื้นที่ครั้งใหญ่
ผู้ตรวจการพิเศษของยูเอ็นเรียกร้องให้ปักกิ่งรับประกันความโปร่งใสในการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในเหตุหายนะภัยอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ และเสริมว่าการขาดแคลนข้อมูลที่จำเป็นซึ่งอาจช่วยบรรเทาหรือกระทั่งป้องกันหายนะภัยได้ถือเป็นเรื่องเศร้าสลดที่แท้จริง
ตุนแคคสำทับว่า มีการจำกัดเสรีภาพสื่อและการเข้าถึงข้อมูลความปลอดภัย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่าที่ควรจะเป็น
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนถูกชาวเน็ตวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะการกล่าวหาว่าไม่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงสารพิษปนเปื้อนในเขตระเบิด รวมทั้งไม่ให้คำอธิบายว่า เหตุใดโกดังเก็บสารอันตรายจึงตั้งอยู่ใกล้บริเวณที่พักอาศัย
คำวิจารณ์เหล่านั้นสืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ดูเหมือนไม่ได้เตรียมพร้อมมาจึงให้คำตอบกำกวมในระหว่างการแถลงข่าวครั้งแรก ขณะที่สถานีซีซีทีวีตัดรายการถ่ายทอดสดนั้นทั้งที่นักข่าวยังคงซักถามเจ้าหน้าที่อยู่
นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุระเบิดเทียนจินบนเว็บเวยปั๋วยังถูกทางการเซ็นเซอร์ โดยอ้างว่าเป็นประเด็นอ่อนไหว