เกาหลีใต้จับมือจีนเริ่มต้น “ยก” เรือเฟอร์รีเซวอลขึ้นเหนือผิวน้ำ

เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญเกาหลีใต้และจีนต่างเริ่มต้นการทำงานเป็นวันแรกในวันพุธ (19) ในการสำรวจใต้น้ำรอบบริเวณเรือเฟอร์รีเซวอล เพื่อเริ่มกระบวนการยกเรือโดยสารน้ำหนักร่วม 6,825 ตันขึ้นสู่ผิวน้ำ

หลังจากที่เกิดโศกนาฏกรรมทางน้ำในเดือนเมษายน 2014 ที่ทำให้มีผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 300 รายเสียชีวิต หลังจากเรือเฟอร์รีเซวอลเกิดล่ม และมาจนถึงทุกวันนี้ ยังมีผูสูญหายจำนวน 9 ราย สร้างความระทมทุกข์ไปทั่วประเทศ และนำมาสู่การเรียกร้องของครอบครัวเหยื่อต้องการให้มีการยกเรือเฟอร์รีเซวอลน้ำหนักร่วม 6,825 ตันขึ้นสู่ผิวน้ำ

เอเอฟพีรายงานในวันพุธ (19) ว่า ในเดือนที่ผ่านมารัฐบาลเกาหลีใต้ได้ประกาศชื่อบริษัทกู้เรืออับปางสัญชาติจีน ที่มีรัฐบาลปักกิ่งเป็นเจ้าของ “Shanghai Salvage” ชนะในการประมูลสัญญาการยกเรือเฟอร์รีเซวอลขึ้นสู่ผิวน้ำ

ซึ่งไม่กี่วันที่ผ่านมาเรือสำหรับลากจูงเรือขนาดยักษ์ พร้อมด้วยเครนยกขนาดใหญ่ของบริษัทจีนได้เดินทางมาถึงเกาหลีใต้ และได้ไปประจำในจุดที่เรือเฟอร์รีเซวอลล่ม ซึ่งมีความลึกร่วม 40 ม. จากพื้นทะเล

และในวันนี้ (19) ทีมผู้เชี่ยวชาญได้ดำน้ำลงไปสำรวจชัยภูมิโดยรอบ ในขณะที่เรือดำน้ำไร้คนขับถูกปล่อยออกจากเรืออุปกรณ์ของ Shanghai Salvage เพื่อเริ่มการสำรวจใต้ผิวน้ำ โดยเรือลำนี้จอดห่างจากฝั่งของเกาะจินโด ที่อยู่ทางใต้ ร่วม 20 กม. แหล่งข่าวจากกระทรวงสมุทรศาตร์และการประมงเกาหลีใต้ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีทางโทรศัพท์

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในเฟสแรกของการทำงาน มีเจ้าหน้าที่เกือบ 150 คน ปฏิบัติงาน รวมไปถึง ทีมนักประดาน้ำ ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิก ซึ่งจะทำหน้าที่ถ่ายภาพเรือเฟอร์รีเซวอลที่จมอยู่ใต้ผิวน้ำในตลอดช่วง 2 เดือนนี้ แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เผยต่อ

และนอกจากนี้ ในภารกิจกู้เรือเซวอล ยังพบว่า มีการวางแผนจะใช้ตาข่ายขนาดยักษ์ครอบเรือไว้ทั้งลำ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างผู้เสียชีวิตที่อาจยังติดอยู่ภายในลำเรือให้ลอยออกไปในขณะทำการกู้เรือ

เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม ตามแผนการที่กำหนดไว้ กระบวนการกู้ซากเรือเฟอร์รีเซวอลจะหยุดลงชั่วคราวในช่วงหน้าหนาวเดือนพฤศจิกายน และจะกลับมาเริ่มต้นการกู้เรืออีกครั้งในเดือนมีนาคม 2016

ซึ่งมีการกำหนดว่า เรือเฟอร์รีเซวอลจะต้องถูกยกขึ้นสู่ผิวน้ำให้ได้ก่อนเดือนกรกฎาคม 2016

และเอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า ในภารกิจการกู้ซากเรือเซวอลคาดว่าจะต้องใช้เม็ดเงินถึง 100 ล้านดอลลาร์ และในขณะนี้ได้มีบางส่วนออกมาตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าที่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อภารกิจเช่นนี้ โดยไม่มีหลักประกันว่าจะสามารถค้นหาร่างผู้เสียชีวิตที่ยังสูญหายอยู่อีก 9 คน หรือการหาหลักฐานเพิ่มเติมถึงสาเหตุการล่มของเรือเซวอล