เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิซ สถาบันจัดอันดับชื่อก้องโลก ประกาศลดความน่าเชื่อถือของบราซิลลง 1 ขั้น สู่ระดับ “Baa3” ซึ่งเป็นระดับที่อยู่เหนือสถานะ “junk” เพียงแค่ขั้นเดียว ถือเป็นการปรับลดความน่าเชื่อถือต่อแดนแซมบ้าเป็นรอบที่ 2 นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ ผู้นำหญิงของบราซิลก้าวขึ้นครองอำนาจ
การถูกมูดีส์ปรับลดความน่าเชื่อถือล่าสุด ถือเป็นข่าวร้ายซ้ำสองของรัฐบาลบราซิล เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว บราซิลเพิ่งถูกสถาบันจัดอันดับอีกแห่ง คือ สแตนดาร์ด แอน พัวร์ส (เอส แอนด์ พี) ปรับลดความน่าเชื่อถือลงสู่ระดับ “BBB” พร้อมปรับคาดการณ์เศรษฐกิจเป็นเชิงลบ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ถือเป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ทีมเศรษฐกิจของประธานาธิบดีรูสเซฟฟ์ ที่นำโดยรัฐมนตรีคลังชูอากิง เลวี ซึ่งเพิ่งประกาศตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐ และขึ้นภาษีเพื่อปรับสมดุลด้านงบประมาณไปก่อนหน้านี้ ขณะที่เศรษฐกิจของบราซิลซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคลาตินอเมริกา กำลังเผชิญภาวะถดถอยที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 25 ปี
เป็นที่คาดกันว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิลอาจประสบภาวะหดตัวที่ระดับ 1.5 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อยในปี 2015 นี้ ซึ่งจะถือเป็นระดับการหดตัวที่รุนแรงที่สุดของแดนแซมบ้านับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เพิ่งมีการเผยแพร่ผลสำรวจล่าสุดในบราซิล ซึ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ ผู้นำหญิงแดนแซมบ้า ลดต่ำลงเหลือเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ที่เธอก้าวขึ้นครองอำนาจเมื่อปี 2011 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 36 ของบราซิล
ผลสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดทำโดยสำนักวิจัย “ดาตาโฟลญา” ซึ่งทำการรวบรวมความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างชาวบราซิลที่มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 3,358 รายจากทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคมที่ผ่านมา และนำมาเผยแพร่ในวันเสาร์ (8 ส.ค.) ระบุว่า ในขณะนี้มีชาวบราซิลเพียง 8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ระบุว่า พวกเขามีความพึงพอใจในผลงานการบริหารประเทศ ของประธานาธิบดีหญิงดิลมา รูสเซฟฟ์
ขณะที่กลุ่มตัวอย่างมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า พวกเขารู้สึก “ไม่ปลื้ม” กับการทำหน้าที่ประธานาธิบดีของรูสเซฟฟ์ ผู้นำหญิงในวัย 67 ปี
รายงานข่าวระบุว่า ในจำนวนกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่ระบุว่า ไม่พอใจต่อผลงานการบริหารประเทศของรูสเซฟฟ์นั้นมีถึง 71 เปอร์เซ็นต์ที่ประเมินว่า ผลงานการบริหารประเทศของเธออยู่ในระดับ “แย่” หรือถึงขั้น “เลวร้าย”
ผลสำรวจล่าสุดยังระบุว่า 66 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่า รูสเซฟฟ์ สมควรถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง มากกว่าที่จะปล่อยให้เธออยู่บริหารประเทศต่อไปจนครบวาระสมัยที่ 2 ในปี ค.ศ. 2018
ทั้งนี้ คะแนนนิยมที่ลดต่ำลงของนางรูสเซฟฟ์ถุกระบุว่า มาจากความล้มเหลวของเธอในการแก้ปัญหาความตกต่ำฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานที่พุ่งสูง ตลอดจนความล้มเหลวในการแก้ปัญหาทางสังคม และเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริตภายในรัฐบาลของเธอซึ่งรวมไปถึงการรับเงินสินบนจาก “เปโตรบราส” บรรษัทพลังงานแห่งชาติของบราซิลซึ่งได้ชื่อว่าเป็นองค์กรธุรกิจที่มีขนาด ใหญ่ที่สุดใน “ซีกโลกใต้”