เอเอฟพี/มาร์เก็ตวอตช์ - น้ำมันร่วงลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 6 ปี ในวันอังคาร (11 ส.ค.) และวอลล์สตรีทปิดลบหนัก หลังจีนสร้างความประหลาดใจ ด้วยการลดค่าเงินหยวน กระพือความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจหมายเลข 2 ของโลกแห่งนี้ ปัจจัยดังกล่าวส่งให้นักลงทุนหันหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันทองคำขยับขึ้น
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 43.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2009 ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (พีบีโอซี) ประกาศลดค่าเงินหยวนลงมาเกือบ 2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในวันอังคาร (11 ส.ค.) ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าพวกเขากำลังแสวงหาทางผลักดันปฏิรูปตลาดในบริบทที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม การลดค่าเงินหยวนได้กระตุ้นความกังวลรอบใหม่ว่า ปักกิ่งยังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายในการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสร้างการเติบโตที่สมดุลโดยอิงกับอุปสงค์ภายในประเทศ ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้สร้างความประหลาดใจแก่ตลาดทุน จนกระพือแรงเทขายในตลาดหุ้นเอเชีย ยุโรป เช่นเดียวกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวลดค่าเงินหยวนของจีนก็ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (11 ส.ค.) ร่วงลงแรงเช่นกัน ขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่าง แอปเปิล, จีเอ็ม และบริษัทอื่นๆ ซึ่งพึ่งพิงตลาดจีนอย่างมาก ต่างปิดลบกันถ้วนหน้า
ดาวโจนส์ ลดลง 212.33 จุด (1.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,402.84 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.11 จุด (0.96 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,084.07 จุด แนสแดค ลดลง 65.01 จุด (1.27 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,036.79 จุด
ในบรรดาหุ้นที่ร่วงหนัก รวมถึงแอปเปิลที่ปิดลบร้อยละ 5.2 และเจนเนอรัล มอเตอร์ส ปิดลบร้อยละ 3.5 ซึ่งทั้งสองบริษัทต่างต้องพึ่งพาจีนในฐานะตลาดสำคัญ
ด้วยความวิตกกังวลต่อการเคลื่อนไหวลดค่าเงินหยวนของจีน กระตุ้นให้นักลงทุนหันไปถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาทองคำเมื่อวันอังคาร (11 ส.ค.) ปิดบวก 4 วันติด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,107.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์