เอเจนซีส์/เอเอฟพี/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เคียฟกำลังจะได้รับเงินความช่วยเหลือก้อนใหม่ที่คงค้างจาก IMF จำนวน 1.7 พันล้านดอลลาร์ หลังทาง IMF เสร็จสิ้นการประเมินความก้าวหน้าของรัฐบาลเคียฟ ท่ามกลางความวิตกถึงหนี้สาธารณะของยูเครนเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงเหตุการณ์ความไม่แน่นอนของการปะทะระหว่างกองกำลังรัฐบาลยูเครน และกลุ่มกบฏยูเครนตะวันออก ซึ่งการอนุมัติครั้งนี้เกิดขึ้นในวันศุกร์(31 กค.)ที่ผ่านมา และเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจเงินช่วยเหลือ (EFF) ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ IMF อนุมัติให้ยูเครนรวม 17.5 พันล้านดอลลาร์
RT สื่อรัสเซีย และเอเอฟพี รายงานล่าสุดถึงสถานการณ์ความช่วยเหลือด้านการเงินให้แก่ยูเครน ประเทศที่กำลังอยู่ท่ามกลางวิกฤตหนี้สาธารณะและความตึงเครียดด้านความมั่นคงว่า ยูเครนกำลังจะได้รับเงินแพกเกจความช่วยเหลือก้อนใหม่ที่คงค้างมาจากการอนุมัติของ IMF ในวันที่ 11 มีนาคม 2015
โดยในวันศุกร์ (31 ก.ค.) ที่ผ่านมา IMF ได้อนุมัติเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนจำนวน 1.7 พันล้านดอลลาร์จากทั้งหมด 17.5 พันล้านดอลลาร์ในตลอดระยะเวลาช่วย 4 ปี หลังจากทางสถาบันการเงินระหว่างประเทศได้เสร็จสิ้นการประเมินโครงการความช่วยเหลือยูเครน (EFF) กับรัฐบาลเคียฟถึงความก้าวหน้าในมาตรการรัดเข็มขัดต่างๆ ที่ทางสถาบันการเงินระดับนานาชาติได้กำหนดไว้
จากแถลงการณ์ของ IMF ที่เปิดเผยบนเว็บไซต์ในวันศุกร์ (31 ก.ค.) พบว่า จำนวนเงินที่ทางยูเครนที่ทางยูเครนได้รับจาก IMF รวมไปถึงเม็ดเงินก้อน 1.7 พันล้านดอลลาร์ที่ได้รับการอนุมัติในวันศุกร์ (31 ก.ค.) มีจำนวนราว 6.68 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนโยบายของทาง IMF ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จะช่วยเหลือด้านการเงินแก่ประเทศที่มีความน่าจะเป็นสูงว่าจะสามารถชำระคืนได้ด้วยการปฎิบัติตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้
โดยในส่วนความช่วยเหลือที่ให้กับยูเครน ทางสถาบันการเงิน IMF ได้กำหนดความช่วยเหลือเป็นเวลา 4 ปี เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปฎิรูปประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ระบบเศรษฐกิจขิงยูเครนกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง และยังรวมไปถึงการทำให้งบดุลประเทศมีความเข้มแข็ง
ทั้งนี้ เอเอฟพีรายงานว่า เงินคงค้างก้อนใหม่หลังจากก้อนแรกที่ได้รับการอนุมัติเริ่มแรกจำนวนราว 5 พันล้านดอลลาร์แก่ยูเครนที่ปล่อยให้กับทางยูเครนในเดือนมีนาคมนั้น เกิดขึ้นหลังจากทาง IMF ได้ประเมินความก้าวหน้าของรัฐบาลยูเครนว่าได้ทำตามที่ได้รับปากไว้หรือไม่ โดยกระทำในรูปมาตรการรัดเข็มขัด และควบคุมงบดุลประเทศ
ด้านผู้อำนวยการ IMF คริสติน ลาการ์ด กล่าวให้ความเห็นว่า “สถานการณ์ในยูเครนดูนับวันมีแนวโน้มด้านบวกมากขึ้น” และเสริมต่อว่า “เราได้เห็นพลังการเมืองยูเครที่มีความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศ”
ในขณะที่เคียฟแสดงความยินดีต่อการปลดล็อกเงินช่วยเหลือก้อนล่าสุดนี้ โดยตั้งเป้าจะนำเงินเพื่อไปเสริมสภาพคล่องให้แก่ธนาคารแห่งชาติยูเครนต่อไป นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยูเครนออกแถลงการณ์ว่า “แพกเกจความช่วยเหลือใหม่จะเสริมการเติบโตให้แก่เศรษฐกิจยูเครน และเสริมความมั่นใจให้กับทั้งตลาดในและต่างประเทศ”
อย่างไรก็ตาม จากรายงานพบว่า สภาพเศรษฐกิจยูเครนโดยทั่วไปดิ่งเหวหนัก และมีหนี้สาธารณะพุ่งแตะ 135 % ของ GDP ปี 2015 ซึ่งมากเป็น 2 เท่าของ GDP ปี 2014 ที่มีหนี้สาธารณะราว 70%
RT รายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากอดีตประธานาธิบดียูเครนวิกเตอร์ ยานูโควิช ถูกโค่นอำนาจลงในต้นปี 2014 รัฐบาลยูเครนใหม่ได้เข้ามากอบกู้ระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วยการรับความช่วยเหลือจาก IMF ที่ได้กำหนดให้ทางเคียฟต้องเพิ่มอัตราก้าวกระโดดของระบบน้ำประปา ไฟฟ้า และโทรศัพท์ รวมไปถึงการยกเลิกมาตรการอื่นๆ และตัดความช่วยเหลือทางสังคมแก่พลเมืองยูเครน
สื่อรัสเซียรายงานว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมาจะพบว่าชาวยูเครนจำนวนมากที่ถูกเลิกจ้าง หรือได้รับค่าจ้างช้ากว่ากำหนด หรือรวมไปถึงการตัดความช่วยเหลือสังคมให้กับประชาชนยูเครน และการยกเลิกมาตรการที่ไม่ได้รับความนิยม
นอกจากนี้ ทางเคียฟได้ร้องขอกับเครดิเตอร์เอกชนต่างชาติต่างๆ ให้ช่วยทำการตัดลดวงเงินหนี้ลง 40% แต่ทว่าบริษัทสัญชาติอเมริกัน แฟลงคลิน เทมเพลตัน (Franklin Templeton) ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มเจ้าหนี้บริษัทเอกชนต่างชาติยอมลดวงเงินหนี้แค่ 5 %เท่านั้น
ทั้งนี้ IMF กล่าวว่า “ภายใน 4 ปีนับแต่นี้ เคียฟต้องจ่ายคืนให้กับกลุ่มเจ้าหนี้บริษัทเอกชนร่วม 15.3 พันล้านดอลลาร์”
นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จาคอบ ลิว (Jacob Lew) ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนการตัดสินใจของ IMF ในการอนุมัติเงินกู้รอบใหม่ให้แก่ยูเครน