นับตั้งแต่ช่วงปลายของทศวรรษที่ 1990 ชื่อของกลุ่มนักรบมุสลิมแห่งอัฟกานิสถาน ที่เรียกตัวเองว่า “ตอลิบาน” ได้ถูกกล่าวขวัญถึงในวงกว้าง หลังจากที่พวกเขาได้ก้าวขึ้นครองอำนาจเป็นรัฐบาลปกครองอัฟกานิสถานด้วยกฏเหล็กอิสลาม อันเข้มงวดระหว่างเดือนกันยายนปี 1996 – เดือนธันวาคม ปี 2001 และชื่อของกลุ่มตอลิบานยิ่งถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อถูกอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชแห่งสหรัฐฯ จับไปโยงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมสหรัฐฯ ในวันที่ 11 กันยายน ปี 2001
ย้อนกลับไปในครั้งนั้น นอกจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของบุช จะกล่าวหาว่า กลุ่มตอลิบานมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมช็อคโลก 9/11 แล้ว รัฐบาลวอชิงตันยังระบุว่า นักรบตอลิบานแห่งอัฟกานิสถาน ให้ที่หลบซ่อนแก่ “อุซามะห์ บิน ลาดิน” อดีตหัวหน้าเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ที่สหรัฐฯปักใจเชื่อว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแผนก่อวินาศกรรมสะเทือนโลกบนแผ่นดินเมืองลุงแซมในคราวนั้น และนำไปสู่การเปิดฉากของ “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย” ที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นตัวตั้งตัวตีบนแผ่นดินอัฟกานิสถานในระหว่างปี 2001 - 2014
ล่าสุด ทางทำเนียบประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานออกคำแถลงยืนยันเมื่อวันพุธที่ 29กรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า นายมุลลาห์ โอมาร์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มตอลิบาน ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุรุนแรงและสร้างความไม่สงบ เพื่อต่อต้านรัฐบาลกลางอัฟกันในกรุงคาบูล ตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้เสียชีวิตลงแล้ว และเป็นการเสียชีวิตลงตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน
คำแถลงดังกล่าวของรัฐบาลอัฟกานิสถานมีขึ้นก่อนการประชุมสันติภาพรอบที่สอง กับกลุ่มตอลิบาน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ โดยที่ฝ่ายรัฐบาลอัฟกันในกรุงคาบูลคาดหวังว่าข่าวคราวเกี่ยวกับชะตากรรมของนายโอมาร์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่ลึกลับยากแก่การทำความเข้าใจผู้นี้ อาจจะยิ่งสร้างความแตกแยกภายในให้กับสมาชิกกลุ่มตอลิบาน ทั้งในประเด็นที่ว่าควรดำเนินการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาลอัฟกันต่อไปหรือไม่ และเรื่องร้อนที่ว่าใครสมควรจะขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มคนใหม่ แทนที่โอมาร์
ทั้งนี้ มุลลาห์ โอมาร์ หรือชื่อเต็มว่า มุลลาห์ โมฮัมเหม็ด โอมาร์ มูญาฮิด ผู้นำสูงสุดของกลุ่มตอลิบาน ไม่ได้ปรากฎตัวต่อสาธารณะเลยนับตั้งแต่หลบหนีเมื่อคราวที่กลุ่มตอลิบานถูกชาติพันธมิตร ที่นำโดยสหรัฐฯโค่นอำนาจในปี 2001 และมีข่าวลือหนาหูที่แพร่สะพัดวนเวียนในหมู่นักรบตอลิบานมานานหลายปีแล้วว่า เขาอาจเสียชีวิตไปแล้ว หรือไม่ก็กลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถ
"จากข้อมูลที่น่าเชื่อถือ รัฐบาลอัฟกันขอยืนยันว่านายมุลลาห์ โอมาร์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มนักรบตอลิบานได้เสียชีวิตแล้ว ในเขตประเทศปากีสถาน และเป็นการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2013"ทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกานิสถานระบุในถ้อยแถลงสั้นๆ พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มตอลิบาน และบรรดาฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัฟกันกลุ่มก้อนอื่นๆ ให้เร่งคว้าโอกาสทองครั้งนี้ และเข้าร่วมกระบวนการสันติภาพ
ด้านแหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้บัญชาการระดับอาวุโสของกลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถานรายหนึ่งซึ่งประจำการอยู่ในชาติเพื่อนบ้านอย่างปากีสถาน ออกมาเปิดเผยว่านายมุลลาห์ โอมาร์ ผู้นำสูงสุดของกลุ่มฯ เสียชีวิตด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า โอมาร์เสียชีวิตลงตั้งแต่เมื่อใด
ทางด้านกลุ่มตอลิบาน ซึ่งเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่ใหญ่ที่สุดในอัฟกานิสถาน ก็ยังไม่ได้มีการออกมายืนยันอย่างเป็นทางการถึงการสิ้นชีพของโอมาร์ที่เป็นผู้นำสูงสุดของพวกตนแต่อย่างใด
คำแถลงของทำเนียบประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน มีขึ้นขณะที่กำลังมีการเตรียมการนัดเจรจาสันติภาพรอบใหม่ ระหว่างรัฐบาลอัฟกานิสถานและกลุ่มตอลิบาน เพื่อหาทางยุติความขัดแย้งและการสู้รบภายในประเทศ ที่ส่งผลให้มีพลเรือนและเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงอัฟกันเสียชีวิตในเหตุรุนแรงเป็นจำนวนหลายพันคนในแต่ละปี และดูเหมือนสถานการณ์ด้านความมั่นคงในอัฟกานิสถานได้ทวีเลวร้ายลงเรื่อยๆนับตั้งแต่กองกำลังนานาชาติภายใต้การนำของทหารสหรัฐฯ และชาติสมาชิกจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ได้ตัดสินใจถอนกองกำลังรบส่วนใหญ่ของตน ออกมาจากอัฟกานิสถานในช่วงสิ้นปี 2014
ในอีกด้านหนึ่งการเสียชีวิตของมุลลาห์ โอมาร์ ดูเหมือนจะเป็นโหมกระพือเชื้อไฟแห่งความขัดแย้ง ตลอดจนการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกันเองภายในของกลุ่มตอลิบานเพื่อโอกาสในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของกลุ่ม หลังจากเดิมที กลุ่มตอลิบานก็มีความแตกแยกกันเองระหว่างบรรดาแกนนำระดับอาวุโสอยู่ก่อนแล้ว ทั้งฝ่ายที่สนับสนุนให้เจรจาสันติภาพกับรัฐบาลกับคาบูลเพื่อยุติสงครามยาวนาน 13 ปี กับอีกฝั่งหนึ่งที่ต้องการเดินหน้าสู้รบต่อไป เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ทั้งนี้ มุลลาห์ โอมาร์ซึ่งถูกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตั้งค่าหัวไว้สูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ เป็นผู้นำพากลุ่มตอลิบานเอาชนะกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ได้ในสงครามกลางเมืองอัฟกานิสถานภายหลังกองทัพสหภาพโซเวียตถอนตัวออกไป แต่การที่โอมาร์เลือกที่จะเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอุสซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ทำให้รัฐบาลอเมริกันนำทัพนานาชาติบุกอัฟกานิสถานในปี 2001 หลังเหตุวินาศกรรม9/11 ทั้งในมหานครนิวยอร์กและกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในปีเดียวกัน
ดังนั้น คงไม่ผิดนักหากจะสรุปว่า การเสียชีวิตของมุลลาห์ โอมาร์ ที่เพิ่งถูกเผยแพร่สู่สาธารณะในครั้งนี้ ย่อมส่งผลต่อขวัญกำลังใจของเหล่านักรบตอลิบานไม่น้อย ไม่ว่าเขาจะเพิ่งเสียชีวิต หรือเสียชีวิตมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้ ตามรายงานข่าว และนั่นอาจทำให้เรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายได้มีโอกาสลุ้นมากขึ้น ที่จะได้เห็นการบรรลุข้อตกลงสันติภาพระหว่างฝ่ายรัฐบาลอัฟกานิสถาน และกลุ่มตอลิบานได้ในอนาคตอันใกล้นี้ อันจะทำให้อัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นดินแดนที่ต้องเผชิญกับไฟสงครามต่อเนื่องมายาวนานเกือบครึ่งศตวรรษ ได้พบกับความสงบสุขและสันติภาพที่ถาวรเสียที