เอเอฟพี – แผ่นดินไหวขนาด 7.0 ตามมาตราแมกนิจูดในจังหวัดปาปัวทางตะวันออกของอินโดนีเซียเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (28 ก.ค.) ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนพังเสียหาย และมีเด็กวัยรุ่นตกลงไปในแม่น้ำสูญหาย 1 คน
สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า แรงสั่นสะเทือนครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณเขตเทือกเขาของปาปัวเมื่อช่วงกลางดึก โดยมีศูนย์กลางที่ความลึก 52 กิโลเมตร ห่างจากเมืองชัยปุระ เมืองเอกของจังหวัดปาปัว ไปทางตะวันตกราว 250 กิโลเมตร
“แผ่นดินสะเทือนแรงมากประมาณ 4 วินาที” สุโตโป ปุรโว นูโกรโฮ โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย แถลง
“ประชาชนต่างวิ่งหนีออกมาจากอาคารบ้านเรือนด้วยความหวาดผวา”
นูโกรโฮ บอกด้วยว่า เวลานี้หน่วยกู้ชีพกำลังพยายามเข้าไปให้ถึงเขตเมมเบอราโมซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวมากที่สุด แต่คาดว่าจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในเมืองชัยปุระรายงานว่า ภายในเมืองสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย และนานเพียงไม่กี่วินาที
ที่เมืองกาโซนาเวจาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว พบบ้านพังถล่มลงมา 1 หลัง และเสียหายบางส่วนอีก 1 หลัง ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันขนย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หลังพบว่าผนังอาคารเกิดรอยร้าว
โยนัส เตาดูฟู เจ้าหน้าที่บรรเทาภัยพิบัติ เปิดเผยว่า เด็กชายวัย 15 ปีที่กำลังตกปลาได้ร่วงหล่นลงไปในแม่น้ำระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหว และจนบัดนี้ก็ยังหาไม่พบ ขณะที่บนถนนสายหนึ่งเกิดรอยแยกเป็นระยะทางยาว 50 เมตร
ทางการอินโดนีเซียและศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกระบุว่า ไม่มีความเสี่ยงเกิดคลื่นสึนามิจากแผ่นดินไหวครั้งนี้
หมู่เกาะอินโดนีเซียตั้งอยู่บนแนว “วงแหวนไฟ” ในมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งเป็นรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก จึงเกิดกิจกรรมแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง
แผ่นดินไหวใต้ทะเลเมื่อปี 2004 ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ซัดถล่มชายฝั่งจังหวัดอาเจะห์บนเกาะสุมาตรา คร่าชีวิตชาวบ้านไปกว่า 170,000 คน ขณะที่ประเทศอื่นๆ รอบมหาสมุทรอินเดียก็มีผู้เสียชีวิตรวมกันหลายหมื่น