xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลบาห์เรนจ่อลดจำนวนบุคลากรภาครัฐ 30% ตามแผนปรับโครงสร้าง-หั่นงบประมาณครั้งใหญ่ เพื่อลดขาดดุล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายกรัฐมนตรี ชีคห์  คาลิฟา บิน ซัลมาน อัล- คาลิฟา แห่งบาห์เรน
เอเจนซีส์ / ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ทางการบาห์เรนจ่อปลดข้าราชการ รวมถึงลูกจ้างของภาครัฐครั้งใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานในภาครัฐทั้งหมด ตามแผนการปรับโครงสร้างหน่วยงานราชการของประเทศเพื่อตัดลด “งบประมาณ”

รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลบาห์เรนภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ชีคห์ คาลิฟา บิน ซัลมาน อัล- คาลิฟา ผู้นำวัย 79 ปี ซึ่งผูกขาดอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ ค.ศ. 1970 กำลังถูกรัฐสภาบาห์เรนกดดันอย่างหนัก ให้เร่งตัดลดงบประมาณรายจ่ายภาครัฐลงอย่างสำคัญ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศบาห์เรนและอีกหลายชาติในโลกอาหรับต้องเผชิญกับภาวการณ์ขาดดุลทางการคลังอย่างหนัก จากผลพวงของราคาน้ำมันที่ตกต่ำในตลาดโลก ซึ่งในส่วนของบาห์เรนนั้นมีรายงานว่า รายได้ของรัฐบาลบาห์เรนซึ่งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์มาจากอุตสาหกรรมด้านพลังงาน ลดฮวบหดหายไปเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการวางแผนด้านงบประมาณของประเทศ

หนึ่งในมาตรการตัดลดรายจ่ายของภาครัฐที่รัฐบาลบาห์เรนเตรียมประกาศใช้ภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ถูกระบุว่า มีมาตรการปลดข้าราชการ รวมถึงลูกจ้างของภาครัฐออก คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของแรงงานในภาครัฐทั้งหมดรวมอยู่ด้วย

นอกเหนือจากแผนสั่งปลดข้าราชการ รวมถึงลูกจ้างของภาครัฐออก 30 เปอร์เซ็นต์ดังกล่าวแล้ว แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลในกรุงมานามายังเปิดเผยว่า รัฐบาลบาห์เรนภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ชีคห์ คาลิฟา บิน ซัลมาน อัล- คาลิฟา เตรียมยุบหน่วยงานราชการที่ไม่มีความจำเป็น ตลอดจนควบรวมหน่วยงานราชการที่มีลักษณะงานใกล้เคียงกันเข้าด้วยกันเพื่อประหยัดงบประมาณ

นอกจากนั้น ทางการบาห์เรนยังเตรียมนำแผน “แช่แข็งอัตรากำลังคน” ในภาครัฐมาบังคับใช้ด้วยการไม่เปิดรับสมัครหรือไม่บรรจุข้าราชการใหม่เข้าทำงานอีก เพื่อลดจำนวนบุคลากรในภาครัฐ

ทั้งนี้ บาห์เรนเคยได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดของโลกอาหรับเมื่อปี 2006

แต่เศรษฐกิจของบาห์เรนซึ่งต้องพึ่งพารายได้จากอุตสาหกรรมด้านพลังงาน ภาคการเงิน และภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก มีอันต้องประสบภาวะระส่ำระสายอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในสหรัฐอเมริกาและยุโรปในช่วงปี 2008 เป็นต้นมา


กำลังโหลดความคิดเห็น