เอเจนซีส์ - คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาให้สัมภาษณ์วานนี้ (1 ก.ค.) ระบุการเจรจาระหว่างกรีซกับองค์กรเจ้าหนี้จะได้ผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น หากรัฐบาลเอเธนส์มี “ความเป็นผู้ใหญ่” มากกว่านี้
ลาการ์ด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า การที่กรีซผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟเมื่อวันอังคาร (30 มิ.ย.) “ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด” เพราะทำให้ไอเอ็มเอฟไม่สามารถอนุมัติเงินช่วยเหลือให้แก่เอเธนส์ได้อีก
ทั้งนี้ หากกรีซต้องการก้าวไปข้างหน้าโดยได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเจ้าหนี้ที่เป็นทางการต่อไป ก็จะต้องยอมรับแผนปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ตามเงื่อนไขแพ็กเกจช่วยเหลือที่สหภาพยุโรปและไอเอ็มเอฟให้กรีซมาตลอด 5 ปี
“การปฏิรูปเชิงโครงสร้างและปรับแผนงบประมาณรายจ่ายจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า วิกฤตหนี้สินของกรีซจะได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน” ซึ่งบรรดาชาติสมาชิกไอเอ็มเอฟ “ก็หวังที่จะเห็นสถานการณ์ในกรีซคลี่คลาย และความไม่แน่นอนทั้งหลายหมดไป”
“พวกเขายังต้องการเห็นปัญหาหนี้สินกรีซได้รับการแก้ไขอย่างยุติธรรม เพราะไม่มีเหตุผลอันควรที่จะต้องทำให้เป็นกรณีพิเศษ หรือเลือกปฏิบัติเป็นพิเศษ”
“หากคุณลองนึกถึงกรณีของไอร์แลนด์หรือโปรตุเกสซึ่งก็เป็นสมาชิกยูโรโซน หรือแม้แต่ในภูมิภาคอื่นๆ ก็ตาม ปัญหาหนี้สินลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และรัฐบาลก็ต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดด้วยกันทั้งนั้น”
ลาการ์ดระบุว่า เธอเข้าใจความต้องการของประชาชนชาวกรีซ และหากเจ้าหนี้จะบีบให้รัฐบาลกรีซเก็บภาษีเพิ่ม “ก็ต้องให้กลุ่มคนร่ำรวยที่สุดจ่ายมากเป็นพิเศษ”
“ในขณะเดียวกันก็จะต้องมีมาตรการคุ้มครองทางสังคมแก่ประชาชนที่อ่อนแอที่สุดด้วย”
บอสใหญ่ไอเอ็มเอฟชี้ว่า แม้กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ แต่ไอเอ็มเอฟจะยังคงเข้าไปมีส่วนช่วยเหลือ “เพราะเป็นภารกิจของกองทุน” อย่างไรก็ตาม “เนื่องจากสถานการณ์ยังคงสับสนและไม่แน่นอนอยู่ ดิฉันคิดกว่า (กรีซ) จะต้องมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้” ในการเจรจา
นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส แห่งพรรคฝ่ายซ้ายไซรีซา ซึ่งประกาศจุดยืนต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้นำกรีซเมื่อเดือนมกราคม ยืนยันว่าผลประชามติ “โน” ไม่ได้หมายความว่าเอเธนส์จะแยกตัวจากยุโรป ขณะที่บรรดาผู้นำอียูมองว่า ผลประชามติในวันอาทิตย์นี้ (5 ก.ค.) จะเป็นตัวตัดสินกลายๆ ว่ากรีซจะยังมีที่ยืนในยูโรโซนต่อไปหรือไม่
รัฐบาลกรีซได้ยื่นข้อเสนอในนาทีสุดท้ายต่อเจ้าหนี้ระหว่างประเทศเมื่อวันอังคาร (30) ระบุเอเธนส์จะยอมรับข้อเสนอสุดท้ายซึ่งพวกเจ้าหนี้ยื่นให้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หากจะมีการเปลี่ยนเงื่อนไขบางประการ แต่เจ้าหนี้จะต้องอนุมัติแพ็กเกจช่วยเหลืองวดที่ 3 มูลค่าเกือบ 30,000 ล้านยูโร ซึ่งเพียงพอสำหรับให้กรีซนำไปจ่ายเงินกู้และดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระในช่วง 2 ปีข้างหน้า นอกจากนั้นยังจะขอให้มีการปรับโครงสร้างหนี้เดิมด้วย
อย่างไรก็ตาม บรรดารัฐมนตรีคลังยูโรโซนระบุว่า จะรอดูผลประชามติกรีซในวันอาทิตย์นี้เสียก่อนจึงจะยอมเจรจาเรื่องข้อตกลงเงินกู้งวดใหม่
มาตรการควบคุมเงินทุนที่เอเธนส์ประกาศใช้ในสัปดาห์นี้ส่งผลให้ชาวกรีซสามารถถอนเงินจากธนาคารได้ไม่เกินคนละ 60 ยูโรต่อวัน แต่เมื่อวานนี้ (1) สถาบันเงินการเงินเกือบ 1,000 แห่งได้เปิดให้บริการแก่ผู้เกษียณอายุที่ต้องการเบิกเงินสดไปใช้บรรเทาความเดือดร้อน ซึ่งก็ได้กันคนละไม่เกิน 120 ยูโรเท่านั้น