เอเจนซีส์ – สตีฟ ราเซตต์ (Steven Racette) ผู้บัญชาการเรือนจำความมั่นคงสูง คลินตัน คอร์เรกชันแนล แฟซิลิตี รวมไปถึงรองผู้บัญชาการเรือนจำ สตีเฟน บราวน์ (Stephen Browne) เป็น 2 ใน 3 ของกลุ่มเจ้าหน้าที่เรือนจำระดับสูงที่ถูกสั่งพักงานพร้อมกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ระดับปฎิบัติงานอีก 9 คนหลังจากเกิดเหตุ 2 นักโทษ เดวิด สเวต (David Sweat) และริชาร์ด แมตต์ (Richard Matt)หลบหนีออกจากเรือนจำใกล้พรมแดนแคนาดาออกไปได้สำเร็จ และสเวตซึ่งเป็นผู้วางแผนการหลบหนีออกมายอมรับเมื่อวานนี้(30 มิถุนายน)ว่า ทั้งเขาและแมตต์ต่างได้เคยซักซ้อมการหลบหนีก่อนลงมือ
NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้(30 มิถุนายน)ว่า การตัดสินใจสั่งพักงานกลุ่มเจ้าหน้าที่เรือนจำระดับบริหาร 3 คน ประกอบไปด้วย สตีฟ แรเซตต์ (Steven Racette) ผู้บัญชาการเรือนจำความมั่นคงสูง คลินตัน คอร์เรกชันแนล แฟซิลิตี รวมไปถึงรองผู้บัญชาการเรือนจำ สตีเฟน บราวน์ (Stephen Browne) และเจ้าหน้าที่ระดับบริหารของเรือนจำอีก 1 คน รวมไปถึงผู้คุมเรือนจำระดับปฎิบัติงานอีก 9 คนมีขึ้น ซึ่งแหล่งข่าววงในได้เผยกับสื่อสหรัฐฯว่า การสั่งพักงานเกิดเพราะมีการออกคำสั่ง ตรวจสอบการคอรัปชันภายในทัณฑสถานความมั่นคงสูงของนิวยอร์กแห่งนี้ในคดีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์แอบลักลอบนำเฮโรอินเข้าไปให้กับเหล่าผู้ต้องขังชายเหล่านี้
อย่างไรก็ตามแผนกราชทัณฑ์นิวยอร์กไม่เปิดเผยข้อมูลรายละเอียดของเจ้าหน้าที่เรือนจำคลินตันทั้ง 12 คนที่ถูกสั่งพักงานในเวลานี้
แหล่งข่าวยุติธรรมนิวยอร์กเปิดเผยต่อไปว่า “เราเริ่มต้นสอบสวนหาข้อมูล และเจ้าหน้าที่เหล่านี้เริ่มเปิดปากอธิบาย” และเสริมว่า “สิ่งต่อไปที่จะทำคือการนำไปสู่เบาะแสเพิ่มเติม”
สื่อสหรัฐฯเผยว่า แหล่งข่าวนิวยอร์กให้รายละเอียดถึงการให้ปากคำของนักโทษเรือนจำที่เล่าถึงการซื้อขายเฮโรอินหลังลูกกรงเหล็กที่ทำให้บรรดาผู้คุมเรือนจำคลินตันสามารถหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ และหนึ่งในข้อสงสัยของเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีนี้คือ เงินที่ได้มาจากการลักลอบขนเฮโรอินเข้าไปในเรือนจำถูกนำไปใช้ในการหลบหนีของแมตต์และสเวตหรือไม่
โดยสเวตเปิดปากรับสารภาพว่า ได้ใช้ใบเลื่อยฝึกงานในการหลบหนีออกจากเรือนจำที่มีความมั่นคงสูงสุดในแดนเนโมรา(Dannemora)เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2015 และคนทั้งคู่สามารถหลบหนีการจับกุมอยู่ภายนอกเรือนจำได้นานถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งแมตต์ถูกสังหารในวันศุกร์ ในขณะที่สเวตเพื่อนคู่หูถูกจับกุมได้ในอีก 2 วันต่อมา และในขณะนี้เขาเข้ารับการรักษาตัวที่แอลบานี เมดิคอล เซนเตอร์ ในวันอังคาร(30 มิถุนายน) โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมอย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุดอาการบาดเจ็บขั้นสาหัสของสเวตนั้นลดระดับความร้ายแรงลง
และก่อนหน้านี้สเวตได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ถึงผู้คุมที่ช่วยเหลือการแหกคุกครั้งนี้คือ จอยซ์ มิตเชล (Joyce Mitchell) ครูฝึกสอนตัดเย็บเสื้อผ้าและเป็นพนักงานภายในร้านตัดเย็บของเรือนจำคลินตัน ซึ่งเธอได้ออกแถลงการณ์ผ่านทนายความในวันอังคาร(30 มิถุนายน)ว่า “รู้สึกยินดีที่การล่าตัว 2 ผู้ต้องขังหลบหนีได้สิ้นสุดลง และเป็นสิ่งที่เธอได้ภาวนาขอ และการภาวนาของเธอนั้นสัมฤทธิ์ผล”
และสเวตยังได้เปิดเผยในวันอังคาร(30 มิถุนายน)ว่า สเวตในฐานะที่เป็นผู้วางแผนการหลบหนี ได้ซักซ้อมการหนีพร้อมกับ แมตต์เพื่อนร่วมเรือนจำในคืนก่อนปฎิบัติการแหกคุกจริง
จากคำแถลงของแอนดรูว์ ไวลี(Andrew Wylie ) อัยการเขตคลินตันคาน์ตีแถลงเมื่อวานนี้(30 มิถุนายน)พบว่า คนทั้งคู่เริ่มแผนการแหกคุกตั้งแต่เดือนมกราคม 2015 และใช้เพียงแค่เศษใบเลื่อยฝึกงานในการเลื่อยกำแพงคุก และหลังจากนั้นผู้ต้องขังทั้งสองได้คลานไปตามทางของระบบท่อไอน้ำเพื่อจะไปถึงระบบเครือข่ายท่อระบายน้ำเสียใต้ดินขนาดใหญ่ที่คนสามารถเดินอยู่ภายในได้
ซึ่งสเวตระบุว่า แมตต์น้อยครั้งมากที่จะฝึกซ้อมการหลบหนีลงไปใต้ดินเช่นนั้น
แต่ทว่าในคืนวันที่ 5 มิถุนายน ผู้ต้องหาทั้งสองได้ทำการฝึกซ้อมหลบหนีแบบเหมือนจริง โดยสามารถทะลุไปถึงระบบท่อน้ำเสียใต้ดินและออกไปทางช่องระบายน้ำเสียที่มีฝาปิดอยู่ด้านบนผิวถนนใกล้กับเรือนจำคลินตันแห่งนี้ซึ่ง ใกล้กับบ้านเรือนประชาชนในเมืองแดนเนโมรา โดยคนทั้งคู่ได้โผล่ศรีษะออกไปจากเบื้องล่าง แต่ตัดสินใจที่จะไม่หลบหนีในขณะนั้นเนื่องจากยังไม่ใช่ช่องทางที่คนทั้งคู่ต้องการ
ซึ่งไวลีเผยว่า จากการให้ปากคำของสเวตระบุว่า ในวันถัดไปที่ทำการหลบหนีจริง ทั้งสเวตและแมตต์เลือกที่จะหลบหนีออกจากหลุมท่อระบายน้ำที่ห่างไกลจากชุมชนออกไปมากกว่า และจากแผนการที่วางไว้มิตเชลต้องช่วยเหลือคนทั้งคู่หลบหนีโดยการรับคนทั้งคู่ในคืนนั้นหลังจากออกมาได้สำเร็จแล้ว และมุ่งหน้าไปยังเวสต์เวอร์จิเนีย เพื่อจะไปยังเม็กซิโกอันเป็นจุดหมายปลายทางต่อไป
แต่ทว่ากลับกลายว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำหญิงผู้นี้ไม่มาปรากฏตัวอย่างที่ตกลงกันไว้ จึงทำให้ทั้งสเวตและแมตต์ต้องมุ่งหน้าไปทางเหนือแทน เพื่อจะข้ามไปแคนาดา
