กาญจนบุรี - พ่อนักโทษคุกทองผาภูมิที่ถูกฆ่าขึ้นป้ายคัตเอาต์ขนาดใหญ่ประจานเจ้าหน้าที่เรือนจำกองผาภูมิ เละพร้อมประกาศลั่นหลังจัดพิธีศพลูกชายแล้วจะเดินหน้าฟ้องร้องเอาผิดต่อนักโทษที่ก่อเหตุ รวมทั้งแจ้งความเอาผิดต่อ ผบ.เรือนจำ และผู้คุมที่เข้าเวรให้ถึงที่สุด
ความคืบหน้ากรณีนักโทษชายคุกทองผาภูมิก่อเหตุชกต่อยใช้อาวุธฟันแทงกันมีผู้เสียชีวิต 2 รายคือ นช.สุรศักดิ์ หรือมอส ใจเย็น อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/2 หมู่ 7 ต.ท่าไม้ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี และ นช.เทิดศักดิ์ กล่อมวงศ์ อายุ 26 ปี ที่อยู่ 51/43 หมู่ 3 ต.ท่ามะกา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นอกจากนี้ ยังมีนักโทษได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย คือ นช.อรรถพล คชรัตน นช.สมพงษ์ หรือส่อง เอี่ยมร้อย นช.อนุชิต สร้อยทอง นช.จิระยุทธ เจริญวัย และ นช.บรรพต มนต์กอง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ก.พ.58 ที่ผ่านมา
ภายหลังเกิดเหตุทราบว่า นายใหญ่ ใจเย็น อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/2 หมู่ 7 ต.ท่าไม้ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พ่อของ นช.สุรศักดิ์ หรือมอส ใจเย็น ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ขึ้นป้ายที่ริมถนนหน้าบ้านด่าประจานการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เรือนจำทองผาภูมิ โดยข้อความระบุว่า “เจ้าหน้าที่เรือนจำทองผาภูมิ โคตรเลว คนติดคุกมันมีพ่อแม่ พวกมึงคืนลูกกูด้วยความตาย ความสามารถพวกมึงมีแค่นี้เหรอไอ้...” นอกจากนี้ บนป้ายยังมีรูปของ นช.สุรศักดิ์ ติดเอาไว้ด้วย
ต่อมา เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้ (24 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนายใหญ่ ใจเย็น ที่บ้านพักเพื่อสอบถาม โดยนายใหญ่ ให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวอีกทั้งมีเสียงสะอื้นคล้ายจะร้องไห้ว่า สาเหตุที่ติดตั้งคัตเอาต์ขนาดใหญ่เพื่อด่าทอการทำงานของเจ้าหน้าที่เรือนจำทองผาภูมิ และประจานให้สังคมได้รับรู้ว่า ผู้บัญชาการเรือนจำ รวมทั้งผู้คุมเรือนจำทองผาภูมิ ทำงานกันอย่างไร ผู้คุมมีตั้งมากมายทำไมถึงปล่อยปละละเลยให้นักโทษที่มีอาวุธยกพวกมาตีกันได้
วันเกิดเหตุมีเพื่อนโทรศัพท์มาบอกตนว่า ลูกชายเสียชีวิตเพราะถูกกลุ่มนักโทษยกพวกตะลุมบอนกัน ลูกชายตนถูกทำร้ายโดยใช้ของมีคมแทงเข้าที่กลางหลัง และใบหน้าจนเสียชีวิต เมื่อทราบเรื่องตนไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดินทางไป ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ โทร.มาบอกกับตนว่าจะส่งศพลูกชายของตนไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.ศูนย์ราชบุรี ตนจึงตอบกลับไปว่าจะส่งไปผ่าทำไมในเมื่อรู้แล้วว่าลูกชายของตนถูกแทงตาย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็อธิบายจนตนเข้าใจจึงยอมทำตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เหตุการณ์ครั้งนี้ต้องโทษ ผบ.เรือนจำ และผู้คุมเรือนจำทั้งหมดที่เข้าเวรในวันนั้น สมัยที่ลูกชายของตนติดคุกอยู่ที่เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี ลูกชายได้ขอตนตอนไปเยี่ยมว่าขอย้ายไปอยู่ที่เรือนจำทองผาภูมิ เพราะอากาศที่นั่นดี นักโทษก็ไม่แออัดเหมือนที่เรือนจำกาญจนบุรี อีกทั้งขณะนั้นทางเรือนจำมีโครงการให้นักโทษที่ถูกคุมขังสมัครใจย้ายเรือนจำด้วย ตนจึงเห็นด้วยให้ลูกชายย้ายไปอยู่ที่เรือนจำทองผาภูมิ แต่ตนไม่คิดเลยว่าลูกชายจะมาจบชีวิตด้วยการถูกทำร้ายเช่นนี้
“ขณะนี้ผมยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้ และทำอะไรไม่ถูก แต่หลังจากจัดพิธีศพของลูกชายแล้ว ผมจะเตรียมหลักฐานเพื่อฟ้องร้องเอาผิดต่อนักโทษที่ก่อเหตุ รวมทั้งแจ้งความเอาผิดต่อ ผบ.เรือนจำ และผู้คุมที่เข้าเวรในวันนั้นให้ถึงที่สุด จะเสียเงินเสียทองเท่าไหร่ก็ยอม”
นายใหญ่ ใจเย็น กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุพ่อและแม่ของนักโทษจากอำเภอท่ามะกา ที่อยู่ในเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ได้นำเอกสารต่างๆ มามอบให้ตน ขอร้องให้ตนช่วยทำเรื่องร้องขอให้ทางกรมราชฑัณท์ ช่วยส่งตัวหลานที่ถูกคุมขังอยู่ที่นั่นให้ย้ายกลับมาอยู่ที่เรือนจำจังหวัดกาญจนบุรีตามเดิม ซึ่งตนก็ได้แต่รับปากไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรคงต้องรอให้เสร็จงานศพลูกชายที่ทำพิธีทางศาสนาที่บ้าน และจะเผาในวันเสาร์ที่ 28 ก.พ.58 ไปก่อน