เดอะการ์เดียน - เจ้าหน้าที่อังกฤษเปิดเผยว่า สกอตแลนด์ยาร์ดได้จัดตั้งทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจลักษณะเดียวกับหน่วย SAS ขึ้นมาไว้คอยรับมือกับภัยก่อการร้ายในอังกฤษ แบบที่เคยเกิดขึ้นในตูนิเซีย
เจ้าหน้าที่พิเศษติดอาวุธชุดต่อต้านก่อการร้ายจำนวน 130 คน ถูกจัดตั้งไว้คอยรับมือกับภัยร้ายบนเกาะอังกฤษ แบบที่เคยเกิดในชายหาดตุรกีช่วงก่อนหน้านี้ โดยจะมีการพกพาอาวุธแบบใหม่ พร้อมทั้งได้รับการฝึกสอนกลยุทธใหม่ อาทิ การโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็วจากเฮลิคอปเตอร์ การบุกเข้าไปในอาคารเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน
หน่วยที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ได้รับการฝึกสอนร่วมกับกองกำลังพิเศษของกองทัพอังกฤษ ที่เคยรับมือกับการจู่โจมหลากหลายรูปแบบ อาทิ การโจมตีในมุมไบเมื่อปี 2008 การโจมตีห้างเวสต์เกตที่ไนโรบีเมื่อปี 2013 รวมถึงกำลังมองหาว่าจะเรียนรู้อะไรได้บ้างจากการสังหารหมู่ที่ตูนิเซีย โดยตำรวจและเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินจะฝึกซ้อมต่อต้านก่อการร้ายร่วมกันครั้งใหญ่ที่ใจกลางกรุงลอนดอนในวันอังคาร
เหล่านายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาต่างยืนกรานว่า ตำรวจควรจะเป็นผู้รับมือกับการใช้อาวุธปืนก่อการร้ายตามท้องถนน มากกว่าที่จะให้ทหารเป็นคนดูแล แต่ก็ยอมรับว่าทางกองทัพอาจเข้ามามีส่วนร่วมได้ในยามวิกฤติ
แหล่งข่าวที่เป็นตำรวจอาวุโสบอกว่า หน่วยที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่นี้ จะมุ่งเป้าไปที่การจับกุมผู้ก่อเหตุโจมตี แต่ก็ยังเตรียมพร้อมที่จะจำกัดวงความเสียหายและทำให้คนร้ายสิ้นฤทธิ์ด้วย
"เราเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่ทหาร เราไม่ได้อยู่ในสงคราม งานของเราคือการจับกุมผู้คน" แหล่งข่าว กล่าว
แม้นถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายในสถานการณ์ชุลมุน หน่วยใหม่นี้ก็จะไม่ได้รับคำสั่งให้ยิงเพื่อฆ่า แต่จะถูกบอกให้ใช้กำลังในขั้นต่ำ จะไม่มีการยิงปืนกระสุนปลิวว่อนกันเต็มเหนี่ยว
แต่ถึงกระนั้น หน่วยใหม่นี้จะได้พกอาวุธปืน SIG 516 พร้อมรับการฝึกสอนให้ยิงที่ศีรษะหากจำเป็น ซึ่งตามปกติแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจะถูกฝึกให้ยิงไปที่กลางอก
พวกเขายังได้รับการฝึกให้ใช้เรือสปีดโบทในกรณีที่มีการโจมตีทางน้ำ รวมถึงฝึกโรยตัวลงมาอย่างรวดเร็วจากเฮลิคอปเตอร์ ในสถานการณ์ที่การจราจรติดขัดหลังเกิดเหตุโจมตีก่อการร้าย
การฝึกซ้อมเป็นเวลา 2 วันในสัปดาห์นี้ที่ลอนดอน จะเป็นการทดสอบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ให้บริการเหตุฉุกเฉินรวมถึงรัฐบาล จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดได้อย่างไร
ที่ผ่านมา ตำรวจถกเถียงกันอย่างหนักว่าทำอย่างไรเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากที่ไม่พกอาวุธ จึงจะสามารถรับมือกับเหตุก่อการร้ายแบบนั้นได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายจุดในย่านชุมชนเมือง
โดยปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ถูกบอกให้ทำการแจ้งต่อเพื่อนร่วมงานที่มีอาวุธ ผู้ที่ไปถึงที่เกิดเหตุรายแรกจึงน่าจะเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ติดอาวุธหลายร้อยนายที่ออกตรวจตราอยู่เป็นประจำทุกวันด้วยรถสายตรวจ
พวกเขาน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีในการไปถึงที่เกิดเหตุ หรืออาจจะใช้เวลาน้อยกว่านั้นสำหรับย่านที่ถูกระบุว่าเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยทางตำรวจเชื่อว่าการโจมตีก่อการร้ายอย่างเช่นที่ไนโรบี ได้แสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่แล้ว มีผู้ตายในช่วง 1-2 ชั่วโมงแรกของการโจมตี