รอยเตอร์ - ตูนิเซียคาดจะสูญเสียรายได้อย่างน้อย 515 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้จากการท่องเที่ยวในแต่ละปี หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ผู้คนบนชายหาดไป 39 ชีวิตเมื่อวันศุกร์
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่จะมีการโจมตีที่เกิดขึ้นบริเวณโรงแรมริมชายหาด อิมพีเรียล มาร์ฮาบา ในเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างซูสส์ เคยมีคนร้ายโจมตีพิพิธภัณฑ์บาโดในตูนิส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 21 ราย สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง
ซัลมา ลูมี รัฐมนตรีท่องเที่ยวตูนิเซียบอกนักข่าวเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ เกี่ยวกับการประเมินเบื้องต้นถึงผลที่ได้รับจากการโจมตีที่เมืองซูสส์ว่า ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ ประเทศสูญเสียอย่างมาก
ประเทศที่อยู่แถบแอฟริกาเหนือแห่งนี้ เคยมีรายได้ 1.95 พันล้านดอลลาร์จากการท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วน 7 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีประเทศ รวมถึงเป็นแหล่งนำเข้าสกุลเงินต่างชาติและการจ้างงานให้แก่ชาวตูนิเซีย
ลูมี บอกว่า รัฐบาลมีแผนจะยุติการเก็บภาษีผู้มาเยือนประเทศนี้ ทั้งยังจะทบทวนเรื่องบรรเทาหนี้ให้แก่กิจการโรงแรมทั้งหลาย เพื่อเป็นการช่วยค้ำจุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
รัฐบาลยังระบุด้วยว่า มีตำรวจท่องเที่ยวพกอาวุธกว่า 1,000 นาย คอยตรวจตราตามโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยว ทั้งยังมีกำลังสำรองของกองทัพที่ถูกเรียกตัวมาช่วยดูแลคุ้มกันความปลอดภัย
ทางการตูนิเซียยังได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมือปืนผู้ก่อเหตุร้ายครั้งล่าสุดนี้ด้วย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนแก่ผู้สื่อข่าว
บรรดาเจ้าหน้าที่สืบสวนยังได้ตรวจสอบ ซาอิฟ เรสกุย นักศึกษาที่เป็นมือปืนผู้ก่อเหตุ ว่าเขาไปฝึกฝนในค่ายของพวกนักรบญิฮัดที่ลิเบียได้อย่างไร ที่ผ่านมาเขาได้แสดงให้เห็นถึงเบาะแสเพียงเล็กน้อย เกี่ยวกับแนวคิดหัวรุนแรงของเขาที่ปรากฏให้ครอบครัวและเพื่อนได้เห็น