เอเอฟพี/เอพี - ในวันจันทร์ (29 มิ.ย.) รัฐบาลกรีซประกาศอย่างเป็นทางการสั่งปิดทำการธนาคารภายในประเทศเป็นเวลา 6 วันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อป้องกันระบบธนาคารของประเทศล้ม พร้อมกับออกมาตรการควบคุมระบบเงินทุนในประเทศ รวมไปถึง การอนุญาตให้สามารถถอนเงินสดได้เพียงวันละ 60 ยูโร เท่านั้น หลังจากประชาชนแห่ถอนเงินสดออกจากเครื่อง ATM ออกมากกว่า “2.2 หมื่นล้านยูโร” ในวันเสาร์ (27) จนตู้ ATM 1 ใน 3 ของประเทศถึงกับเงินเกลี้ยงตู้ และทำให้ในขณะนี้มีตู้ ATM เพียงแค่ 40% ของทั้งประเทศที่ยังคงมีเงินเหลืออยู่
ในวันนี้ (29) รัฐบาลกรีซได้ออกมาสั่งปิดการให้บริการธนาคารภายในประเทศอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 6 วัน โดยเริ่มจากวันจันทร์ (29) เป็นต้นไป โดยจะมีกำหนดปิดไปจนถึงวันที่ 6 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ พร้อมกับออกมาตรการควบคุมเงินทุน อนุญาตให้ประชาชนชาวกรีกสามารถถอนเงินได้วันละ 60 ยูโร เท่านั้น แต่ทว่ามาตรการนี้ไม่ครอบคลุมไปถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงเป็นแหล่งรายได้สูงสุดของประเทศในเวลานี้
และหลังการประกาศข่าวร้ายสั่งปิดแบงก์เผยแพร่ออกไป ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้าวันจันทร์หวั่นไหวกับข่าวนี้อย่างหนัก ตลาดหุ้นในโตเกียว ซิดนีย์ เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกงตกอย่างฉับพลันมากกว่า 2% ในบ่ายวันจันทร์
เอเอฟพีรายงานว่า รัฐบาลกรีซออกมาตรการควบคุมระบบทุนออกมาหลังจากธนาคารกลางยุโรป ECB ประกาศจะไม่ขยายความช่วยเหลือเงินฉุกเฉิน ELA แก่กรีซ หลังรัฐบาลเอเธนส์ชุดปัจจุบันของ อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซซึ่งเป็นพวกฝ่ายซ้าย ได้ประกาศจัดการลงประชามติในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ว่ามหาชนชาวกรีกจะยอมรับหรือปฏิเสธผลลัพธ์การเจรจาข้อตกลงช่วยเหลือทางการเงินระหว่างเอเธนส์กับเจ้าหนี้นานาชาติกลุ่มทรอยกา ที่ประกอบด้วยสหภาพยุโรป (EU) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารกลางยุโรป (EBC) ซึ่งเกิดขึ้นหลังการเจรจาหนี้ล้มลงที่กรุงบรัสเซลส์ก่อนหน้านี้
และทำให้บรรดาเจ้าหนี้ต่างชาติกรีซต่างรวมตัวประกาศไม่เลื่อนเส้นตายกำหนดการชำระหนี้กรีซออกไปซึ่งจะมาถึงในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ และทำให้เกิดความแตกตื่นเกรงว่า กรีซอาจจะเกิดการผิดนัดชำระหนี้กับ IMF ขึ้น และอาจจะทำให้ต้องออกจากยูโรโซนก็เป็นได้
ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า หลังข่าวการจัดลงประชามติของรัฐบาลเอเธนส์ได้รับการยืนยันว่า ประชาชนชาวกรีกต่างพากันตื่นตระหนกแห่กันไปยืนเข้าคิวเป็นเวลานานเพื่อแห่ถอนเงิน จนกระทั่งตู้ ATM มากกว่า 2,000 ตู้ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 35 หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของตู้กดเงินสดทั่วประเทศต้องเผชิญกับภาวะ “เงินหมดตู้” ในวันเสาร์ (27) เป็นเวลานานหลายชั่วโมง แต่ทว่าซีปราสผู้นำกรีซที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ออกมาให้คำหวานว่า “เงินฝากของประชาชนกรีซจะยังคงอยู่อย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ในวันนี้ (29) ซึ่งตลาดหลักทรัพย์กรีซปิดทำการ แต่คาดว่าสถานการณ์ตลาดหุ้นในส่วนต่างๆ ของโลกจะปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งถือเป็นวันที่มีความผันผวนมากที่สุดวันหนึ่งในการซื้อขายทั่วโลก หลังจากนักค้าหลักทรัพย์ต่างตื่นเช้ามาในวันทำงานวันแรกเพื่อพบว่ากรีซเข้าใกล้การล้มละลายทุกขณะ
ด้านแหล่งข่าวการเงินกรีซให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะนี้ ตู้ ATM ทั่วประเทศมีเงินบรรจุอยู่ภายในเพียงแค่ 40% ของจำนวนตู้ทั้งหมดที่ตั้งกระจายตามภูมิภาคต่างๆ
ในกรุงเอเธนส์ ไยอันนิส กรีวาส (Yiannis Grivas) อาชีพครูให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีว่า ในวันศุกร์ (26) ได้ถอนเงินเดือนออกจากตู้ ATM ทั้งหมดจำนวนเงิน 940 ยูโรแล้ว “ดังนั้นผมมีเงินสามารถพอประทังชีวิตอยู่ได้ไปได้หลายสัปดาห์” และเสริมต่อว่า “ผมไม่กลัวมาตรการควบคุมเงินทุนของเอเธนส์ เพราะผมไม่เคยถอนเงินเกินวันละ 50 ยูโรอยู่แล้ว” กรีวาสเผย
เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่คืนวันศุกร์ (26) เป็นต้นมา เงินสดจำนวน 1.3 พันล้านยูโรต่อวันถูกถอนออกนอกระบบธนาคารกรีซ สตาฟรอซ เคาคอส (Stavros Koukos) ผู้นำสหภาพพนักงานธนาคารกรีซให้ความเห็น
ด้านเอพีรายงานว่า ในการออกเสียงลงประชามติ รัฐบาลกรีซพยายามหว่านล้อมให้ชาวกรีกต่างออกมาลงคะแนนที่จะมีการจัดขึ้นในวันอาทิตย์หน้า โดยต้องการให้ประชาชนชาวกรีกออกเสียงต่อต้านไม่รับข้อเสนอของบรรดาเจ้าหนี้ต่างชาติ โดยอ้างว่ามาตรการข้อเสนอเหล่านั้นเป็นเสมือนการทำให้กรีซต้องได้รับการอับอายขายหน้ามากไปกว่านี้ และยังทำให้เศรษฐกิจกรีซต้องทรุดหนักต่อไป ถึงแม้ว่าผลการทำโพลล่าสุดที่ประกาศในวันอาทิตย์ (28) ของ 2 โพลต่างชี้ว่า ประชาชนกรีกต่างยังคงต้องการให้กรีซยังคงอยู่ในยูโรโซน และต้องการให้เอเธนส์ตกลงกับบรรดาเจ้าหนี้ต่างชาติ มากกว่าต้องการให้งัดข้อกับกลุ่มเจ้าหนี้ทั้งหลาย
อย่างไรก็ตาม โพลเหล่านี้ทำขึ้นก่อนที่ซีปราสจะประกาศกำหนดการลงประชามติออกไป
และนอกจากสถานการณ์เงินเกลี้ยงตู้ ATM แล้ว ประชาชนกรีกต่างตื่นกตะหนกกับข่าวลือการขาดแคลนน้ำมันเบนซิน ทำให้ผู้ขับขี่ทั่วประเทศต่างต่อแถวเข้าคิวยาวที่ปั้มน้ำมันทั่วกรีซเพื่อเติมให้เต็มถัง และทำให้บริษัทกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ Hellenic Petroleum ต้องออกแถลงการณ์ด่วนรับรองว่า ประชาชนกรีกจะยังคงมีน้ำมันใช้อย่างเพียงพอเป็นเวลาหลายเดือนอย่างแน่นอน และรวมไปถึงข่าวลือที่ว่าห้ามการใช้บัตรเครดิตการ์ด และบัตรเดบิตการ์ดในการจับจ่ายนั้นไม่เป็นความจริง
เอพีรายงานต่อว่า เงินช่วยก้อนปัจจุบันของกรีซนั้นจะหมดอายุลงในวันอังคาร (30) นี้ และจะทำให้เม็ดเงินจำนวน 7.2 พันล้านยูโรที่ยังคงค้างและไม่ได้รับการอนุมัตินั้นจะต้องสิ้นสภาพไป โดยที่กรีซไม่สามารถนำออกมาใช้เพื่อชำระหนี้ IMF ได้ทันกำหนด
ซึ่งหากปราศจากเม็ดเงินช่วยคงค้างจำนวน 7.2 พันล้านยูโรนี้ เอพีชี้ว่า ไม่มีทางเลยที่กรีซจะสามารถหาเงินก้อนอื่นมาจ่าย IMF จำนวน 1.6 พันล้านยูโรได้ทันตามกำหนดเส้นตายภายในพรุ่งนี้ (30)
โดยนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส มานูเอล วาลส์ กล่าวว่า “ไม่มีใครรู้ถึงผลหลังจากที่กรีซต้องออกจากยูโรโซน ทั้งในทั้งด้านการเมือง และด้านเศรษฐกิจ แต่ทางเราต้องทำทุกสิ่งเพื่อจะทำให้กรีซสามารถยังอยู่ร่วมต่อไปในเขตเศรษฐกิจยุโรปได้” วาลส์กล่าว และเสริมต่อไปว่า “แต่กระนั้นภายใต้แนวคิด การกระทำทุกสิ่ง ทางเราต้องเคารพกรีซและระบบประชาธิปไตยกรีกด้วย รวมไปไปถึงกฎของสหภาพยุโรปเช่นกัน ดังนั้นกรีซจึงต้องหวนกลับมาสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง” วาลส์เผยผ่านสื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นฝรั่งเศส i-Tele TV ในวันอาทิตย์ (28)