xs
xsm
sm
md
lg

อดีตนายกฯ กรีซชี้การจัดลงประชามติอาจฉุดประเทศออกจาก “ยูโรโซน” ปชช.ตระหนกแห่ถอนเงิน “2.2 หมื่นล้าน” ในวันเดียว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

อันโตนิส ซามาราส   อดีตนายกรัฐมนตรีหัวอนุรักษ์นิยมของกรีซ
รอยเตอร์ / เอพี / เอเอฟพี / เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - อันโตนิส ซามาราส อดีตนายกรัฐมนตรีหัวอนุรักษนิยมของกรีซ ระบุว่าอนาคตของกรีซในฐานะสมาชิกกลุ่มยูโรโซนมีอันต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย หลังรัฐบาลเอเธนส์ชุดปัจจุบันซึ่งเป็นพวกฝ่ายซ้ายประกาศจัดการลงประชามติในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ ว่ามหาชนชาวกรีกจะยอมรับหรือปฏิเสธผลลัพธ์การเจรจาข้อตกลงช่วยเหลือทางการเงินระหว่างเอเธนส์กับเจ้าหนี้นานาชาติกลุ่มทรอยกา ที่ประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ขณะที่ชาวกรีกแห่ถอนเงินออกมากกว่า “2.2 หมื่นล้าน” ในวันเสาร์ (27 มิ.ย.) จนตู้เอทีเอ็ม 1 ใน 3 ของประเทศต้องเผชิญกับภาวะ “เงินเกลี้ยงตู้”

ซามาราส วัย 64 ปี ซึ่งครองอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซระหว่างเดือนมิถุนายน ปี 2012 ถึงมกราคมปีนี้ กล่าวต่อที่ประชุมสมาชิกรัฐสภาในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน โดยระบุว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันที่อยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส และกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย “ซีริซา” ตัดสินใจผิดพลาดอย่างเลวร้ายที่เลือกใช้การจัดลงประชามติเป็นทางออกในการปลดล็อกทางตันในการเจรจาแก้วิกฤตทางการเงินกับบรรดาเจ้าหนี้ของประเทศ และว่ามีความสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งยวดต่ออนาคตของกรีซในฐานะสมาชิกกลุ่มยูโรโซน

ความเคลื่อนไหวล่าสุดในกรุงเอเธนส์มีขึ้นหลังจากที่นายอเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของกรีซ ประกาศเมื่อช่วงเช้ามืดของวันเสาร์ (27 มิ.ย.) ว่าเขาจะจัดการลงประชามติในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้ว่าประเทศจะรับหรือปฏิเสธผลการเจรจาข้อตกลงช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลเอเธนส์กับบรรดาเจ้าหนี้นานาชาติกลุ่มทรอยกาซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

“ประชาชนชาวกรีกจะต้องตัดสินใจเลือกโดยปราศจากการขู่กรรโชกใดๆ ในการลงประชามติที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 กรกฎาคม” นายซีปราสแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ที่อยู่ในความควบคุมของรัฐเมื่อเวลา 01.00 น. (ตรงกับเวลา 05.00 น.ในประเทศไทย) โดยนายซีปราสออกถ้อยแถลงดังกล่าวถึงประชาชนทั่วประเทศ ก่อนหน้าการประชุมฉุกเฉินของรัฐมนตรีคลังยูโรโซนในวันเสาร์ (27 มิ.ย.) ท่ามกลางความวิตกกังวลอย่างสูงว่ากรีซอาจถึงคราวต้อง “ผิดนัดชำระหนี้” ตามกำหนดในวันอังคาร ( 30 มิ.ย.) นี้ และอาจนำไปสู่การกระเด็นออกจากยูโรโซนของกรีซ

“เป็นเวลายาวนานกว่า 6 เดือนแล้ว ที่รัฐบาลกรีซชุดนี้เป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อหาข้อตกลงที่ใช้การได้และเคารพต่อหลักการประชาธิปไตย เราถูกร้องขอให้บังคับใช้มาตรการรัดเข็ดขัดที่แสนเจ็บปวดต่อประชาชนของเราเอง และถูกบีบจากบรรดาเจ้าหนี้ให้ตัดลดเงินบำนาญ ตลอดจนถูกกดดันให้ขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในสินค้าประเภทอาหาร ซึ่งแน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเจ้าหนี้ก็คือการดูหมิ่นและหยามเกียรติของประชาชนชาวกรีกทั้งมวลให้ต้องยอมก้มหัวอยู่ใต้เท้าของพวกเขา” อเล็กซิส ซีปราสกล่าว พร้อมย้ำว่าการจัดลงประชามติที่เกิดขึ้นถือเป็น “ความรับผิดชอบครั้งประวัติศาสตร์ของชาวกรีก” ที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญโดยมีอนาคตของประเทศและอนุชนกรีกรุ่นหลังเป็นเดิมพัน

ก่อนหน้านี้ในวันศุกร์ (26 มิ.ย.) รัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซเพิ่งปฏิเสธข้อเสนอขยายโครงการช่วยเหลือออกไป 5 เดือนเป็นเงิน 12,000 ยูโรของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ โดยระบุว่า ข้อเสนอนี้ “มิอาจยอมรับได้” พร้อมยืนยันจะซื่อสัตย์ต่อหลักการต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดต่อไป

ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า หลังข่าวการจัดลงประชามติของรัฐบาลเอเธนส์ได้รับการยืนยันว่า ประชาชนชาวกรีกต่างพากันตื่นตระหนกแห่กันไปถอนเงิน จนกระทั่งตู้เอทีเอ็มมากกว่า 2,000 ตู้ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 35 หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของตู้กดเงินสดทั่วประเทศต้องเผชิญกับภาวะ “เงินหมดตู้” ในวันเสาร์ (27) เป็นเวลานานหลายชั่วโมง

ทั้งนี้ แหล่งข่าวในแวดวงการเงินและธนาคารของกรีซเปิดเผยว่า จำนวนเงินที่ประชาชนแห่ถอนออกไปจากระบบเมื่อวันเสาร์เพียงวันเดียวนั้นมีมูลค่าสูงถึงกว่า 600 ล้านยูโร (ราว 22,635 ล้านบาท)
อเล็กซิส ซีปราส นายกรัฐมนตรีกรีซคนปัจจุบัน









กำลังโหลดความคิดเห็น