xs
xsm
sm
md
lg

“โอบามา” ต่อสายตรงลูบหลัง “ออลลองด์” ย้ำสหรัฐฯ เลิกพฤติการณ์ดักฟังพันธมิตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของฝรั่งเศส(ซ้าย) แสดงความไม่พอใจหลังวิกิลีกส์แฉว่าพวกเขาถูกสหรัฐฯที่นำโดยบารัค โอบามา(ขวา) สอดแนม
รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ต่อสายตรงพูดคุยโทรศัพท์กับนายฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสในวันพุธ (24 มิ.ย.) ย้ำถึงคำสัญญาของวอชิงตันว่าจะยุติพฤติการณ์สอดแนมที่ถูกเหล่าชาติพันธมิตรมองว่าเป็นสิ่งที่ “รับไม่ได้” หลังถูกวิกิลีกส์แฉว่าลอบดักฟังการติดต่อสื่อสารของประมุขแดนน้ำหอมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 3 คน

คำสนทนาระหว่างประธานาธิบดีทั้งสองเปิดเผยโดยทำเนียบของนายออลลองด์ โดยการพูดคุยทางโทรศัพท์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเว็บไซต์จอมแฉวิกิลีกส์ ออกมาเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (23 มิ.ย.) ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) สอดแนมเหล่าผู้นำของฝรั่งเศสอย่างน้อยๆ 3 ราย

การออกมาแฉพฤติกรรมล้วงความลับพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯ หนล่าสุดของวิกิลีกส์หนนี้ มีขึ้นหลังจากเว็บไซต์ดังกล่าวเคยออกมาเปิดโปงว่าเอ็นเอสเอได้สอดแนมเยอรมนี ขณะที่สำนักข่าวกรองบีเอ็นดีของเยอรมนีเองก็ร่วมมือกับเอ็นเอสเอล้วงข้อมูลเจ้าหน้าที่และบริษัทอื่นๆในยุโรป

“ประธานาธิบดีโอบามาย้ำอย่างชัดเจนถึงคำสัญญาที่หนักแน่นของเขา ในการยุติพฤติการณ์ที่บางทีอาจเกิดขึ้นในอดีตและถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในหมู่พันธมิตร” ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสระบุ

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีออลลองด์ได้เรียกประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีและผู้บัญชาการกองทัพตั้งแต่ช่วงเช้าวันพุธ (24) หลังจากวิกิลีกส์ได้ร่วมกับหนังสือพิมพ์ลิเบราซิยอง ของฝรั่งเศส และเว็บไซต์มีเดียพาร์ต เผยแพร่เอกสารที่ถูกระบุว่า “ลับสุดยอด” หลายชิ้น ซึ่งมีเนื้อหาแฉให้ทราบว่า เอ็นเอสเอได้กระทำการสอดแนมทั้งตัวออลลองด์ ตลอดจนประมุขแดนน้ำหอม 2 คนก่อนหน้า คือ ฌาคส์ ชีรัก และ นิโคลาส์ ซาร์โคซี

“ฝรั่งเศสจะไม่ยอมอดกลั้นต่อการกระทำที่คุกคามความมั่นคงของประเทศเช่นนี้ รวมทั้งจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ” พร้อมสำทับว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการเปิดโปงว่า อเมริกาสอดแนมผลประโยชน์ของฝรั่งเศส รวมทั้งทวงสัญญาที่วอชิงตันเคยให้ไว้เมื่อปลายปี 2013 ว่าจะไม่สอดแนมผู้นำแดนน้ำหอม

ดิดิเยร์ เลอ เบรต์ ซึ่งเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติของฝรั่งเศส จะเดินทางไปกรุงวอชิงตันเพื่อหารือกับฝ่ายสหรัฐฯ ในประเด็นนี้และกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ขณะที่ สเตฟาน เลอ ฟอลล์ โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศส กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องตรวจสอบว่าการสอดแนมยุติไปแล้วหรือยัง” และเผยว่าเหล่าคณะรัฐมนตรีได้รับคำเตือนให้ระมัดระวังในการใช้โทรศัพท์มือถือ

ถึงแม้โดยภาพรวม ในช่วงหลังๆ นี้ปารีสและวอชิงตันจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่ระยะสองปีที่ผ่านมา ฝรั่งเศสก็ยืนหยัดนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระ และมีหลายช่วงหลายตอนที่สองประเทศเคืองกัน เป็นต้นว่า ออลลองด์ไม่พอใจที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ตัดสินใจในนาทีสุดท้ายที่จะไม่โจมตีรัฐบาลซีเรียในปี 2013 ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันวิจารณ์จุดยืนแข็งกร้าวของปารีสในการเจรจาโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านบ่อยครั้ง

สำหรับเอกสารลับต่างๆ ที่รั่วไหลถูกวิกิลีกส์และพันธมิตรนำออกมาเปิดโปงเผยแพร่คราวนี้ มีอยู่ 5 ชิ้นซึ่งระบุว่ามาจากเอ็นเอสเอ เอกสารทั้งหมดลงวันที่ในช่วงระหว่างปี 2006 ถึง 2012 ชิ้นหลังสุดนั้นลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2012 ไม่กี่วันหลังจากออลลองด์ขึ้นเป็นประธานาธิบดี

จากเอกสารที่วิกิลีกส์นำออกเผยแพร่เหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นว่า ซาร์โคซีเคยคิดฟื้นการเจรจาสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์โดยไม่มีอเมริกา รวมทั้งเคยคิดว่าตนเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถแก้ไขวิกฤตการเงินโลกได้ ตลอดจนโทษว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่วนสำหรับที่เกี่ยวข้องกับออลลองด์นั้น แสดงให้เห็นว่าเขากลัวว่า กรีซจะต้องออกจากยูโรโซนตั้งแต่ปี 2012 รวมทั้งได้แอบติดต่อกับพรรคฝ่ายค้านของเยอรมนี โดยไม่ให้แมร์เคิลทราบอีกด้วย

เอกสารของวิกิลีกส์ยังรวมถึงรายงานสรุปการสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐบาลฝรั่งเศสเกี่ยวกับวิกฤตการเงินโลก อนาคตของสหภาพยุโรป (อียู) ความสัมพันธ์ระหว่างคณะบริหารของออลลองด์กับรัฐบาลของแมร์เคิล ความพยายามของฝรั่งเศสในยุคชีรักส์ในการสรรหาตัวแทนประจำในสหประชาชาติ และความขัดแย้งระหว่างปารีสกับวอชิงตันเรื่องที่อเมริกาสอดแนมแดนน้ำหอม

ในเอกสารยังมีเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่หลายคนในสำนักประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งรวมถึงเบอร์มือถือส่วนตัวของผู้นำฝรั่งเศส

ทั้งนี้ วิกิลีกส์ยังทวิตว่า เร็วๆ นี้จะเปิดเผยเอกสารเพิ่มเติมเพื่อตอกย้ำหลักฐานว่า อเมริกาพุ่งเป้าสอดแนมฝรั่งเศสอย่างมโหฬาร

โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสเผยว่าปารีสยังไม่ตัดสินใจว่าจะดำเนินการทางกฎหมายแบบเดียวกับที่เยอรมนีทำหรือไม่ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องบางส่วนให้ดำเนินแก้เผ็ด โดยไม่ต้องกังวลต่อผลย้อนกลับทางการทูต “จากการคุกคามต่างๆ ที่เราเผชิญและประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ที่เชื่อโยงระหว่างเราทั้งสอง เราจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ เราต้องไม่ทำลายความสัมพันธ์ทางการทูต”


กำลังโหลดความคิดเห็น