เอเอฟพี – รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศ “รับไม่ได้” ที่ประเทศพันธมิตรจะลักลอบสอดแนมซึ่งกันและกัน ภายหลังเว็บไซต์จอมแฉ “วิกิลีกส์” นำข่าวกรองและเอกสารลับมาเปิดโปงว่าสหรัฐฯ เคยดักฟังการสนทนาของประธานาธิบดีฝรั่งเศสถึง 3 คนตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งได้แก่ ฟรองซัวส์ ออลลองด์, นิโกลาส์ ซาร์โกซี และ ฌาคส์ ชีรัค
“มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้สำหรับประเทศที่เป็นพันธมิตรกัน” สเตฟาน เลอ ฟอลล์ โฆษกรัฐบาลฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์ ก่อนที่ประธานาธิบดี ออลลองด์ จะเข้าประชุมฉุกเฉินกับหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงในวันนี้(24 มิ.ย.)
“เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่า ประเทศซึ่งเป็นพันธมิตรกันจะมาทำกันอย่างนี้ โดยเฉพาะการดักฟังบุคคลระดับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ” เลอ ฟอลล์ กล่าว
“ในช่วงเวลาที่เรากำลังต่อสู้ลัทธิก่อการร้าย ผมไม่เข้าใจจริงๆว่า อะไรที่เป็นเหตุจูงใจให้ประเทศหนึ่งต้องมาสอดแนมมิตรของตัวเอง”
อย่างไรก็ตาม เลอ ฟอลล์ ก็พยายามกลบเกลื่อนความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยระบุว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่น่าจะบานปลายใหญ่โต
“โลกเราทุกวันนี้ก็มีวิกฤตอันตรายมากพออยู่แล้ว”
ฝรั่งเศสได้เรียกประชุมสภากลาโหมเป็นการด่วนในวันนี้(24) หลังจากวิกิลีกส์ได้ร่วมกับหนังสือพิมพ์ลิเบอเรชัน และเว็บไซต์มีเดียพาร์ท เผยแพร่เอกสารที่ถูกระบุว่า “ลับสุดยอด” ซึ่งมีเนื้อหาเปิดโปงการสอดแนม 3 ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ในช่วงระหว่างปี 2006-2012
ล่าสุด ทำเนียบขาวได้ออกมายืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้จงใจสอดแนมประธานาธิบดี ออลลองด์ และจะไม่มีวันทำเช่นนั้น
“เราไม่เคยมุ่งสอดแนมการสื่อสารของประธานาธิบดีออลลองด์ และจะไม่ทำเช่นนั้น” เน็ด ไพรซ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอสเอ็นซี) ให้สัมภาษณ์ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อค่ำวานนี้ (23) พร้อมระบุว่า ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างวอชิงตันและปารีส “สำคัญอย่างยิ่ง” แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เอ่ยถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายยกเลิกมาตรการสอดแนมโทรศัพท์โดยหน่วยงานข่าวกรองสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการปิดฉากโครงการสอดแนมที่อื้อฉาวที่สุดของอเมริกาหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11